พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้ หน้า 8

หน้า 1 | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 | หน้า 6 | หน้า 7 | หน้า 8

เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้ - หน้า 8

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

7. ซาตานจะถูกปล่อยออกจากคุก

“เมื่อครบหนึ่งพันปีแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยออกจากคุกที่ขังมัน และมันจะออกไปล่อลวงประชาชาติต่างๆ ทั้งสี่ทิศของแผ่นดินโลก คือโกกและมาโกกให้มาชุมนุมกันเพื่อเข้าสู่สงคราม จำนวนของเขาทั้งหลายเหมือนอย่างเม็ดทรายที่ทะเล และพวกเขายกขบวนออกไปทั่วแผ่นดินโลก และล้อมกองทัพของพวกธรรมิกชน และนครอันเป็นที่รักนั้นไว้ แต่ไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญคนเหล่านั้น ส่วนมารที่ล่อลวงเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จอยู่นั้น และพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์” วิวรณ์ 20:7 - 10

จะเห็นว่าในช่วง 1,000 ปี นั้น คนที่มี “กายเดิม” ได้เพิ่มจำนวนประชากรขึ้นอย่างมาก เพราะในข้อ 8 บอกว่า “จำนวนของเขาทั้งหลายเหมือนอย่างเม็ดทรายที่ทะเล” นี่ไม่ใช่จำนวนประชากรทั้งหมด แต่เป็นจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองของพระเยซู คนเหล่านี้ไม่เคยผ่านความทุกข์ในช่วงกลียุค คนเหล่านี้เกิดมาพร้อมกับสิ่งแวดล้อมที่ดีเหมือนกับอาดัมและเอวาในสวนเอเดนนั้น แต่สภาพภายนอกที่ดีไม่ได้ทำให้คนเป็นคนดี เพราะทุกคนมีเชื้อบาปอยู่ตั้งแต่สมัยอาดัม ความรอดจึงอยู่ที่ “การเลือก” ของคน ๆ นั้นว่าจะเลือก “พระเจ้า” หรือ “มารซาตาน” และคนที่ไม่อยู่ฝ่ายพระเจ้าก็จะต้องถูกลงโทษเป็นนิตย์นิรันดร์

และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมารซาตานจึงจำเป็นต้องถูกคุมขังเป็นเวลา 1,000 ปี และถูกปล่อยออกมา ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้แยกคนที่เชื่อออกจากคนที่ไม่เชื่อ เพื่อที่สวรรค์ใหม่ที่พระเจ้าให้จะเป็นสวรรค์ที่ไม่มีบาป และผู้เชื่อจะได้อยู่ร่วมกับพระคริสต์ตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์

8. ความตายครั้งที่ 2

“แล้วข้าพเจ้าเห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาวและเห็นพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ก็หายไปจากพระพักตร์ของพระองค์ และไม่มีใครพบเห็นที่อยู่ของพวกมันอีกเลย ข้าพเจ้ายังเห็นบรรดาคนตาย ทั้งคนใหญ่โตและคนเล็กน้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่งนั้น แล้วหนังสือต่างๆ ก็ถูกเปิดออก และหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ถูกเปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต คนตายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น ทะเลก็ส่งคืนคนตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนคนตายก็ส่งคืนคนตายที่อยู่ในนั้น แต่ละคนก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตน แล้วความตายและแดนคนตายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละคือความตายครั้งที่สอง และถ้าพบว่าใครไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต เขาก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ” (วิวรณ์ 20:11 – 15)

เมื่อเราจากโลกนี้ไป นี่คือ “การตายครั้งที่ 1” เป็นการตายฝ่ายร่างกาย คนที่ไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์วิญญาณของเขาจะอยู่ในแดนคนตายฝั่งทุกข์ทรมาน และในวันสุดท้ายนี้จะมีการพิพากษาแต่ละคน “ตามการกระทำ” ของเขา (ข้อ 12) นี่ไม่ใช่การตัดสินว่าใครจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรก เพราะทุกคนที่ถูกพิพากษาในครั้งนี้ต้อง “ตกนรก” ทุกคน นักวิชาการบางท่านบอกว่าการที่พระเจ้าทรงพิพากษาแต่ละคน “ตามการกระทำ” ของเขา อาจจะหมายความว่านรกก็ยังแบ่งเป็นชั้น ๆ เหมือนกัน เหมือนกับการติดคุก หากโทษหนักก็อาจจะถูกขังเดี่ยว อาจจะอยู่ในที่ ๆ ลำบากกว่าเมื่อเทียบกับคนที่ทำผิดน้อย เช่นเดียวกัน การที่ผู้ไม่เชื่อ “ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน” หลายคนจึงเชื่อว่านรกไม่ใช่สถานที่ที่คนจะถูกเผาไฟเป็นนิตย์ แต่เป็นบึงไฟขนาดใหญ่ที่คนทำผิดมากก็ต้องเผชิญกับความร้อนมากเพราะอยู่ใกล้บึงไฟมาก คนที่ทำผิดน้อยก็อยู่ห่างจากบึงไฟมากหน่อย การถูกทำโทษในบึงไฟนี้ก็คือ “การตายครั้งที่ 2” ที่จะต้องทนทุกข์ตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์

9. สวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่

“และข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะว่าฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกต่อไป” (วิวรณ์ 21:1)

นี่เป็นการยืนยันว่าทุกสิ่งที่เรามีในโลกนี้นั้นเป็นของชั่วคราว สุดท้ายทุกอย่างจะต้องถูกทำลายรวมถึงสวรรค์ในปัจจุบันด้วย พระเจ้าจะทรงสร้างสวรรค์และโลกใหม่ เป็นที่น่าสังเกตว่าโลกใหม่นั้นจะไม่มี “ทะเล” ทั้งนี้เพราะในสมัยก่อนนั้นทะเลเปรียบเหมือนการถูกตัดขาด ในสมัยนั้นไม่มีเครื่องบิน สิ่งที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของทะเลจึงเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ในสวรรค์จะไม่มีการพลัดพราก ไม่มีใครต้องถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

สวรรค์เป็นสถานที่ที่ใหญ่มาก ๆ เมืองหลวงก็คือนครเยรูซาเล็มใหม่ซึ่งลอยลงมาจากสวรรค์ (วิวรณ์ 21:10) ขนาดของนครใหม่นี้มีความกว้าง ยาว และสูงเท่ากัน “นครนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวเท่ากัน และท่านวัดนครนั้นด้วยไม้วัดได้ 12,000 สทาดิโอน ความยาว ความกว้างและความสูงเท่ากัน” (วิวรณ์ 21:16) 12,000 สทาดิโอน นั้นประมาณ 2,400 กิโลเมตร นี่แค่เมือง ๆ เดียวเท่านั้นยังใหญ่ขนาดนี้ แล้วสวรรค์ทั้งสวรรค์นั้นจะใหญ่ขนาดไหน!!

หลายคนอาจจะคิดว่าถ้าสวรรค์ใหญ่ขนาดนี้แล้วเราจะเดินทางกันยังไง ต้องขึ้นลิฟท์นานกี่ปีถึงจะไปถึงชั้นบนสุดของนครเยรูซาเล็มได้ อย่าลืมว่าในเวลานั้นผู้เชื่อทุกคนจะได้กายใหม่ ซึ่งแตกต่างจากกายดินที่อยู่ในโลกนี้ ใน 1 ยอห์น 3:2 บอกว่าเมื่อพระเยซูเสด็จมากนั้นร่างกายเรา “จะเป็นเหมือนอย่างพระองค์”

เราจะมีร่างกายที่จับต้องได้เหมือนที่พระเยซูบอกให้โธมัสลองจับพระองค์ (ยอห์น 20:27)

เราสามารถเดินผ่านสิ่งกีดขวางได้ เหมือนกับที่พระเยซูสามารถเข้ามาในห้องที่ปิดประตูแล้วได้ (ยอห์น 20:26)

ร่างกายใหม่ไม่มีวันเสื่อมสลาย (1 โครินธ์ 15:42)

ไม่สามารถมีลูกได้ (มัทธิว 22:30) เราจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ บางคนจึงตีความว่าร่างกายใหม่นั้นอาจจะสามารถบินได้ หรือไปที่ไหน ๆ ก็ได้แบบทันทีทันใด ดังนั้นระยะทางต่าง ๆ ในสวรรค์จึงไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทาง

สวรรค์ใหม่เป็นที่ ๆ สวยงาน ถนนทำด้วยทองคำ (วิวรณ์ 21:21) เป็นสถานที่ที่ไม่มีความตาย ไม่มีความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวด (วิวรณ์ 21:4) ไม่มีพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ เพราะพระเจ้าทรงเป็นความสว่างของนครนั้น (วิวรณ์ 21:23)

สวรรค์เป็นสถานที่ที่น่าอยู่และทุกคนใฝ่ฝัน คำถามคือ เราคิดว่าเราจะได้ไปอยู่ที่ไหน? สำหรับคริสเตียน เราแน่ใจในความรอดหรือยัง? อยากให้ลองอ่านบทความ เราได้ไปสวรรค์จริงหรือ? เพื่อที่เราจะได้มั่นใจในความรอดมากยิ่งขึ้น

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า 7 ปี แห่งกลียุคเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัว เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรจะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ และความตายครั้งที่ 2 เป็นเรื่องจริงแท้และแน่นอน พิสูจน์ได้ด้วยทุก ๆ คำในพระคัมภีร์ล้วนสำเร็จและเป็นจริงทั้งสิ้น เราสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ เพียงแค่เรายอมให้พระเยซูมาเป็นพระเจ้าของเรา เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มาเกิดบนโลกเพื่อตายและไถ่บาปเรา และทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 3 ตอนนี้พระองค์อยู่บนสวรรค์กำลังเตรียมที่ไว้สำหรับผู้ที่เชื่อในพระองค์ พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “แต่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ คือคนที่เชื่อในพระนามของพระองค์นั้น พระองค์ก็จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า” (ยอห์น 1:12) เมื่อเราเป็นลูกของพระเจ้า เราก็สามารถอยู่บ้าน (สวรรค์) ของพระองค์ได้ อยากให้ลองอ่านบทความ “เป็นคริสเตียนได้ยังไง” เพื่อจะได้เริ่มต้นรู้จักพระเจ้าเสียตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

เราทุกคนคงจะมีนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนก็ตาม สิ่งสำคัญของนาฬิกาก็คือ การบอกเวลา ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ถึงเวลานัดหรือยัง จะเข้านอนได้หรือยัง เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าในนาฬิกานั้น ๆ มีชิ้นส่วนอะไรบ้าง ประกอบกันยังไง มีขั้นตอนการทำงานยังไง เพราะนั่นเป็นเรื่องของ “ผู้เชี่ยวชาญ” เราแค่ดูนาฬิกาให้เป็นก็พอ

เช่นเดียวกัน ในเรื่องของคำพยากรณ์ต่าง ๆ ในวันสิ้นยุคนั้นมีคำพยากรณ์มากมายที่เล็งถึงวันสำคัญนี้ และหลาย ๆ คำพยากรณ์นั้นก็เข้าใจยาก เราไม่จำเป็นต้องรู้หรือศึกษารายละเอียดที่ซับซ้อนต่าง ๆ ทั้งหมด เพราะนั่นเป็นเรื่องของ “ผู้เชี่ยวชาญ” เราไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียด แค่ทำความเข้าใจในภาพรวม เราก็แค่ดูนาฬิกาให้เป็นก็เพียงพอแล้ว และเราก็รู้ว่า “เวลานั้นมาใกล้แล้ว”

“พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานในเหตุการณ์เหล่านี้ตรัสว่า “เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน” อาเมน พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด” วิวรณ์ 22:20

 

หน้า 1 | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 | หน้า 6 | หน้า 7 | หน้า 8


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com