พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้ หน้า 4

หน้า 1 | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 | หน้า 6 | หน้า 7 | หน้า 8

เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้ - หน้า 4

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

4.ข - ความทุกข์ยากลำบากบนแผ่นดินโลก

หลังจากผู้เชื่อทุกคนได้พบกับพระเยซูบนท้องฟ้า (Rapture) นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกที่มนุษย์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือผู้เชื่อที่จะอยู่บนสวรรค์เฉลิมฉลองงานแต่งงานของพระเมษโปดก ส่วนกลุ่มที่สอง จะต้องอยู่บนโลกนี้ต่อไปและเผชิญกับเหตุการณ์ที่พระคัมภีร์เรียกว่า “กลียุค”

- เวลากลียุค 7 ปี

ในพระคัมภีร์เรียกช่วงเวลาแห่งกลียุคนี้ว่า วันแห่งพระยาห์เวห์ (อิสยาห์ 13:6) เพราะทุกวันนี้เป็น “วันของมนุษย์” เราทำทุกอย่างตามใจเราเอง เราจึงเห็นโลกยุ่งเหยิง มีแต่ความโหดร้าย มีแต่ความบาป แต่หลังจาก Rapture จะเป็น “วันแห่งพระยาห์เวห์” ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระเจ้า

เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้

ที่มา : https://www.freebibleimages.org/

เวลา 7 ปี นี้มีที่มาจากคำพยากรณ์ 70 สัปดาห์ ในพระธรรมดาเนียล 9:24 – 27 ที่ว่า “มี 70 สัปดาห์แห่งปีกำหนดไว้สำหรับชนชาติของท่านและนครบริสุทธิ์ของท่าน เพื่อให้ยุติการละเมิด ให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา เพื่อประทับตราทั้งนิมิตและคำของผู้เผยพระวจนะไว้ และเพื่อจะเจิมอภิสุทธิสถาน เพราะฉะนั้นจงสังเกตและเข้าใจว่า นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไป ให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จนถึงสมัยประมุขผู้ถูกเจิมไว้ก็เป็นเวลา 7 สัปดาห์ และเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยคูและลานเมืองเป็นเวลา 62 สัปดาห์ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลายากลำบาก หลังจาก 62 สัปดาห์แล้ว ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออกและจะไม่มีอะไรเหลือ และคนของประมุขผู้ที่จะมานั้นจะทำลายเมืองและสถานนมัสการ แต่ที่สุดปลายของมันจะมาถึงอย่างน้ำท่วม จนกระทั่งในที่สุดจะมีสงคราม การร้างเปล่าได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปดาห์ สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชา จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น”

การตีความพระคำตอนนี้มีมากมายหลากหลายแนวทาง นี่เป็นเพียงแนวทางหนึ่งเท่านั้น ซึ่งไม่ได้บอกว่าแนวทางไหนถูกหรือผิด แต่เพื่อให้เราเข้าใจเรื่องราวการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูคริสต์มากขึ้นเท่านั้น

นักวิชาการเชื่อว่าเวลา 1 วัน ในที่นี้ = 1 ปี เนื่องจากพระธรรมตอนนี้เป็นคำพยากรณ์ ดังนั้นจึงมีการตีความว่าน่าจะเหมือนกับที่พระเจ้าบอกในเอเสเคียล 4:40 ว่า “และเมื่อเจ้าทำเช่นนี้จนครบจำนวนวันแล้ว เจ้าจะต้องนอนลงเป็นครั้งที่สองโดยนอนตะแคงข้างขวาและแบกความผิดบาปของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เรากำหนดแก่เจ้า 40 วัน 1 วันแทน 1 ปี”

ดาเนียลพยากรณ์ว่า “มี 70 สัปดาห์แห่งปีกำหนดไว้สำหรับชนชาติของท่านและนครบริสุทธิ์ของท่าน เพื่อให้ยุติการละเมิด ให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา” การทำให้เราบริสุทธิ์ ให้ยุติการละเมิด และการทำให้บาปหมดสิ้นนั้นมีแค่ทางเดียวเท่านั้น ก็คือทางการตายของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนนั่นเอง ถ้า 1 วัน = 1 ปี ดังนั้น 70 สัปดาห์ = 490 ปี แล้วจะเริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อไร?

ในพระธรรมดาเนียล 9:25 บอกว่า “เพราะฉะนั้นจงสังเกตและเข้าใจว่า นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไป ให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จนถึงสมัยประมุขผู้ถูกเจิมไว้ก็เป็นเวลา 7 สัปดาห์ และเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยคูและลานเมืองเป็นเวลา 62 สัปดาห์ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลายากลำบาก” นั่นคือให้เริ่มนับตั้งแต่มีการประกาศให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้น ถ้าเราย้อนกลับไปดูพระธรรมดาเนียลบทที่ 1:1 ซึ่งได้บันทึกไว้ว่า “เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของบาบิโลนเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม” บาบิโลนได้ยกมาต่อสู้คนอิสราเอลและชนะ ใน 2 พงศ์กษัตริย์ 25:8 – 9 บอกว่า “เมื่อวันที่ 7 เดือนที่ 5 ซึ่งเป็นปีที่ 19 ของรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ข้าราชการคนหนึ่งของพระราชาแห่งบาบิโลนได้มายังกรุงเยรูซาเล็ม ท่านได้เผาพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระราชวัง และบ้านเรือนทั้งหมดของเยรูซาเล็ม ท่านเผาบ้านใหญ่ทุกหลังลงหมดด้วยไฟ” กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย ส่วนประชาชนที่มีความรู้ความสามารถนั้นก็ถูกกวาดไปยังกรุงบาบิโลน ดาเนียลเองก็เป็นหนึ่งในเชลยที่ถูกจับกุมด้วย

ต่อมาในเนหะมีย์ 2:4 – 5 บอกว่า ต่อมาในเดือนนิสานในปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส เมื่อเหล้าองุ่นอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ ข้าพเจ้าก็หยิบเหล้าองุ่นถวายพระราชา แต่ก่อนนี้ข้าพเจ้าไม่เคยโศกเศร้าต่อพระพักตร์พระองค์ และพระราชาตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ทำไมหน้าเจ้าเศร้าโศก เจ้าก็ไม่ได้เจ็บป่วยไม่ใช่หรือ? นี่คงไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเศร้าใจ” และข้าพเจ้าก็กลัวยิ่งนัก ข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า “ขอพระราชาทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทำไมหน้าของข้าพระบาทจะไม่โศกเศร้าเล่า ในเมื่อเมืองอันเป็นสถานที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพระบาทร้างเปล่าอยู่ และบรรดาประตูเมืองก็ถูกไฟทำลายเสีย” แล้วพระราชาตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าต้องการอะไร? ” ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า “ถ้าพระราชาพอพระทัย และถ้าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นที่พอพระทัยเฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาท ขอทรงส่งข้าพระบาทไปยังยูดาห์ ยังเมืองอันเป็นที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาท เพื่อข้าพระบาทจะสร้างขึ้นใหม่” นั่นคือกรุงเยรูซาเล็มเริ่มก่อสร้างขึ้นอีกครั้งในสมัยของเนหะมีย์ ในเดือนนิสานในปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ซึ่งนักวิชาการได้คำนวณวันเวลาดูก็พบว่าตรงกับวันที่ 14 มีนาคม 445 ปี ก่อน ค.ศ. และนี่คือวันเวลาที่เริ่มนับ 1 ตามคำพยากรณ์นั่นเอง

ในพระธรรมดาเนียล 9:25 - 26 บอกว่า “เพราะฉะนั้นจงสังเกตและเข้าใจว่า นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไป ให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จนถึงสมัยประมุขผู้ถูกเจิมไว้ก็เป็นเวลา 7 สัปดาห์ และเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยคูและลานเมืองเป็นเวลา 62 สัปดาห์ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลายากลำบาก หลังจาก 62 สัปดาห์แล้ว ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออกและจะไม่มีอะไรเหลือ และคนของประมุขผู้ที่จะมานั้นจะทำลายเมืองและสถานนมัสการ แต่ที่สุดปลายของมันจะมาถึงอย่างน้ำท่วม จนกระทั่งในที่สุดจะมีสงคราม การร้างเปล่าได้ถูกกำหนดไว้แล้ว” นั่นคือหลังจากประกาศสร้างเยรูซาเล็มจนถึงวันที่ “ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออก” ซึ่งก็หมายถึงการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูนั่นเอง จะกินเวลา 7 + 62 = 69สัปดาห์ หรือ 483 ปี นั่นเอง

สำหรับปฏิทินตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์นั้น 1 ปี จะมี 360 วัน ซึ่งแตกต่างจากเราที่ 1 ปี = 365 วัน ดังนั้นถ้านับตามปฏิทินของยิวแล้ว 483 ปี จึงเท่ากับ 173,800 วัน ซึ่ง Sir Robert Anderson ได้แปลงจำนวน 173,800 วัน กลับมาเป็นวันตามสมัยยุคของเรา ก็พบว่าตรงกับวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 32 หรือตรงกับวันที่พระเยซูทรงลูกลาและเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต (มาระโก 11:1 – 11) นี่คือวันที่พระเยซูเสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และคำพยากรณ์ของดาเนียลก็ได้ระบุวันที่ไว้อย่างถูกต้อง “หลังจาก 62 สัปดาห์แล้ว ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออก” นี่เป็นการยืนยันว่าทุกคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ถูกต้อง 100% และถ้าคำพยากรณ์ในอดิตมีความแม่นยำขนาดนี้ เราก็เชื่อมั่นได้เลยว่าคำพยากรณ์อื่น ๆ ในพระคัมภีร์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจะต้องสำเร็จตรงตามนั้นอย่างแน่นอน

คำพยากรณ์ของดาเนียลมี 70 สัปดาห์ ซึ่งตอนนี้ผ่านไป 69 สัปดาห์ ยังขาดอีก 1 สัปดาห์ หรือ 7 ปี ซึ่งนักวิชาการเชื่อว่า 7 ปี ที่เหลือนี้ก็คือเวลากลียุค เป็นเวลาที่ปฏิปักษ์พระคริสต์ (Antichrist) จะปรากฏตัวนั่นเอง คำถามคือ แล้วเมื่อไรเวลา 7 ปี ที่เหลือจะเริ่มต้นขึ้น?

ถ้าเรากลับไปดูในพระธรรมดาเนียล 9:27 ที่บอกว่า "ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปดาห์ สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชา จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น” นี่เป็นการบอกเราอย่างกว้าง ๆ ว่าเวลา 7 ปี ที่เหลือจะเริ่มเมื่อ ปฏิปักษ์พระคริสต์ ปรากฏตัว ซึ่งเขามาทำสัญญากับคนจำนวนมากหรือคนทั้งโลก 7 ปี คน ๆ นี้คือคนที่พระเยซูพูดถึงใน มัทธิว 24:15 และเป็นคน ๆ เดียวกับ “สัตว์ร้าย” ในวิวรณ์ บทที่ 13 ซึ่งในวิวรณ์ 13:8 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าสาเหตุที่ “การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไป” ก็เพราะ ปฏิปักษ์พระคริสต์ ให้คนทั้งโลกบูชามัน ซึ่งจะกินเวลา 42 เดือน หรือ 3.5 ปี (วิวรณ์ 13:5) หากใครขัดขืนไม่ยอมนับถือบูชา ปฏิปักษ์พระคริสต์ ว่าเป็นพระเจ้า โทษสถานเดียวก็คือต้องถูกฆ่าตาย นี่คือเวลาแห่งการข่มเหงคริสเตียนอย่างแท้จริง

“พระเจ้าทรงอนุญาตให้สัตว์ร้ายนั้นใช้ปากพูดจาใหญ่โตและหมิ่นประมาทพระเจ้า และทรงอนุญาตให้มันใช้สิทธิอำนาจทำการสี่สิบสองเดือน มันเปิดปากของมันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า พูดหมิ่นประมาทต่อพระนามของพระองค์ ต่อสถานที่สถิตของพระองค์ และต่อพวกที่อยู่ในสวรรค์ และทรงอนุญาตให้มันทำสงครามกับบรรดาธรรมิกชนและชนะพวกเขา และประทานให้มันมีสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประชาชาติ และคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น คือคนที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกสร้างโลก” (วิวรณ์ 13:5 - 8)

ดังนั้นเมื่อดูดาเนียล 9:27 ประกอบกับ วิวรณ์ 13:5 เราจึงเข้าใจได้ทันทีว่ากลียุคกินเวลา 7 ปี โดย 3.5 ปีแรกนั้นมีสันติภาพ และหลังจากนั้น ปฏิปักษ์พระคริสต์ จะละเมิดสัญญา ให้คนบูชามันอีก 3.5 ปี ซึ่งเราเรียกช่วงเวลาครึ่งหลังนี้ว่า “มหากลียุค” เนื่องจากจะมีเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย และสิ่งนี้ก็สอดคล้องกับ ดาเนียล 7:25 ที่บอกว่า “ท่านจะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด และจะข่มเหงบรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น และจะคิดเปลี่ยนแปลงวาระและธรรมบัญญัติต่างๆ และเขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในมือของท่าน ตลอดหนึ่งวาระ สองวาระ กับครึ่งวาระ” หนึ่งวาระก็คือ 1 ปี สองวาระ คือ 2 ปี ครึ่งวาระ คือ 0.5 ปี รวมเป็น 3.5 ปี แห่งมหากลียุค

พระธรรมตอนอื่น ๆ ที่พูดเกี่ยวกับมหากลียุค ก็คือ วิวรณ์ 11:2 – 3 “แต่ลานชั้นนอกของพระวิหารนั้นให้เว้นไว้ไม่ต้องวัด เพราะว่าที่นั่นได้มอบให้กับคนต่างชาติแล้ว และเขาจะเหยียบย่ำวิสุทธินครตลอดสี่สิบสองเดือน เราจะให้ฤทธานุภาพแก่พยานทั้งสองของเรา และทั้งสองจะเผยพระวจนะตลอดหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวันโดยแต่งตัวด้วยผ้ากระสอบ” ที่ว่าตลอด 42 เดือน ตลอด 1,260 วัน (360 วัน เป็น 1 ปี) ก็คือระยะเวลา 3.5 ปี หรือใน ดาเนียล 12:11 – 12 “และตั้งแต่เวลาเลิกเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์นั้น และการตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งทำให้เกิดการร้างเปล่าขึ้น จะเป็นเวลา 1,290 วัน ความสุขจะมีแก่ผู้ทนอยู่ได้ถึง 1,335 วัน ส่วนเจ้าจงดำเนินไปจนถึงที่สุดเถิด แล้วจะได้พักสงบ และจะยืนขึ้นรับมรดกของเจ้าเมื่อสิ้นสุดวันทั้งหลายนั้น” จำนวนวันที่เพิ่มขึ้นมาในตอนนี้ นักวิชาการบางท่านบอกว่าอาจจะรวมถึงเวลาการพิพากษาประชาชาติ (มิทธิว 25:31 – 46) และเวลาในการเตรียมพร้อมสำหรับอาณาจักรพันปี (วิวรณ์ 20:4 – 6)

- ปฏิปักษ์พระคริสต์ (Antichrist)

“พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราไปอยู่กับพระองค์นั้น เราขอร้องท่านว่า อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือตื่นตระหนกตกใจ ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวิญญาณ หรือคำพูด หรือจดหมายเป็นเชิงว่ามาจากเรา อ้างว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว อย่าให้ใครล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการกบฏเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะปรากฏตัว คือลูกแห่งความพินาศ ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้ทุกสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ หรือสิ่งที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็จะนั่งในพระวิหารของพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า พวกท่านจำไม่ได้หรือว่าเมื่อยังอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องนี้แล้ว? และท่านก็รู้จักสิ่งนั้นที่กำลังยับยั้งมันไว้ในขณะนี้ เพื่อมันจะปรากฏออกมาได้ต่อเมื่อถึงเวลาของมัน เพราะว่าอำนาจลึกลับนอกกฎหมายนั้นก็เริ่มทำงานอยู่แล้ว แต่ผู้ที่คอยยับยั้งมันเดี๋ยวนี้นั้นจะยังอยู่จนถูกปลดออกไปให้พ้น ขณะนั้นคนนอกกฎหมายก็จะปรากฏตัวขึ้น และพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการเสด็จมาอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ทุกอย่าง ทั้งหมายสำคัญ และการอัศจรรย์จอมปลอม และอุบายชั่วทุกอย่างสำหรับพวกที่จะต้องพินาศ เพราะเขาไม่ได้รักความจริงเพื่อจะรอดได้ เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาถึงพวกเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ เพื่อทุกคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรม จะถูกพิพากษา” 2 เธสะโลนิกา 2:1 - 12

เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้

ที่มา : https://www.freebibleimages.org/

คนนอกกฎหมาย ที่พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงก็คือ “ปฏิปักษ์พระคริสต์” หรือ “Antichrist” นั่นเอง ซึ่งจะมาอ้างตนว่าเป็นพระเจ้าและทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม “ปฏิปักษ์พระคริสต์” นี้จะยังไม่ปรากฏตัวจนกว่าผู้เชื่อทุกคนจะถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ (Rapture) แล้วเท่านั้น เพราะพระคัมภีร์ในตอนนี้บอกว่า “แต่ผู้ที่คอยยับยั้งมันเดี๋ยวนี้นั้นจะยังอยู่จนถูกปลดออกไปให้พ้น ขณะนั้นคนนอกกฎหมายก็จะปรากฏตัวขึ้น”

แล้วใครคือที่คอยยับยั้งมัน? คำตอบก็คือ “พระวิญญาณบริสุทธิ์” เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในตัวผู้เชื่อทุกคน แต่หลังจากที่ผู้เชื่อทุกคนถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ (Rapture) นั่นก็หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ไม่มีผู้ยับยั้งอีกต่อไป ดังนั้น 7 ปี แห่งการกลียุคจึงเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจาก Rapture

ปฏิปักษ์พระคริสต์ (Antichrist) คือใคร?

- คนที่ทำสัญญาสันติภาพกับโลกแล้วกลับคำ

ใน ดาเนียล 9:27 บอกว่า “ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปดาห์ สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชา จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น”

- คนที่ประกาศว่าตนเองเป็นพระเจ้า

ใน 2 เธสะโลนิกา 2:3-4 บอกว่า “อย่าให้ใครมาล่อลวงท่านไม่ว่าในทางใดๆ เพราะยังจะไม่ถึงวันนั้นจนกว่าจะเกิดการกบฏและคนนอกกฎหมายซึ่งถูกกำหนดให้พินาศนั้นปรากฏตัว มันจะต่อต้านและยกตนขึ้นข่มทุกสิ่งที่ได้ชื่อว่าพระเจ้าหรือเป็นที่เคารพบูชา เพื่อว่ามันจะตั้งตนขึ้นครองพระวิหารของพระเจ้าและประกาศตัวเป็นพระเจ้า”

- ทำให้คนมากมายถูกฆ่าตาย

ในวิวรณ์ 13:7 – 10 บอกว่า “มันได้รับอำนาจที่จะสู้รบกับประชากรของพระเจ้าและมีชัยชนะ มันได้รับสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกหมู่ชน ทุกภาษา และทุกชนชาติ ชาวโลกทั้งมวลจะกราบนมัสการสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่ได้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกผู้ถูกประหารตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก ใครมีหูก็จงฟังเถิด ถ้าผู้ใดถูกกำหนดให้เป็นเชลย ผู้นั้นก็จะตกเป็นเชลย ถ้าผู้ใดถูกกำหนดให้ตายด้วยดาบ ผู้นั้นก็จะถูกดาบปลิดชีวิต ในเรื่องนี้ประชากรของพระเจ้าต้องมีความทรหดอดทนและความสัตย์ซื่อ”

- ผู้ทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่บนแผ่นดินโลก

ใน ดาเนียล 11:40 – 45 บอกว่า พอถึงวาระสุดท้าย พระราชาแห่งถิ่นใต้จะมาสู้กับเขา (AntiChrist) และพระราชาแห่งถิ่นเหนือจะพุ่งเข้าใส่ท่านอย่างลมบ้าหมู พร้อมด้วยรถรบ พลม้า และเรือรบเป็นอันมาก เขาจะเข้าประเทศต่างๆ แล้วไหลผ่านเหมือนน้ำท่วม เขาจะเข้ามาในแผ่นดินอันรุ่งโรจน์ (อิสราเอล) และประชาชนจะตายเป็นหมื่นๆ แต่เอโดม โมอับ และส่วนใหญ่ของคนอัมโมนจะพ้นจากมือของเขา เขาจะยืดมือออกต่อประเทศต่างๆ และแผ่นดินอียิปต์ก็จะพ้นไปไม่ได้ เขาจะครอบครองทรัพย์สมบัติที่เป็นทองและเงิน และสิ่งมีค่าทั้งหลายของอียิปต์ คนลิเบีย และคนคูชก็จะตามเขาด้วย แต่ข่าวจากทิศตะวันออกและทิศเหนือจะทำให้เขาตกใจ และเขาจะยกออกไปด้วยความเคียดแค้นอย่างยิ่ง มุ่งจะทำลายและล้างผลาญคนเป็นอันมากอย่างสิ้นซาก และเขาจะกางเต็นท์หลวงระหว่างทะเลและภูเขาบริสุทธิ์รุ่งโรจน์ แล้วก็จะสิ้นชีวิตโดยไม่มีใครช่วยเขาเลย

ในช่วง 3.5 ปี แรก “ปฏิปักษ์พระคริสต์” เป็นพวกเดียวกับอิสราเอลเพื่อต่อสู้กับประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาทำสงคราม นักวิชาการหลาย ๆ ท่านตีความพระธรรมตอนนี้ว่า

“พระราชาแห่งถิ่นใต้” ก็คือประเทศอียิปต์กับประเทศมุสลิม (ประเทศอาหรับ) ซึ่งพวกนี้ร่วมกันต่อสู้อิสราเอล

“พระราชาแห่งถิ่นเหนือ” คือประเทศรัสเซีย อย่าแปลกใจถ้าเห็นรัสเซียพยายามเข้ามามีบทบาทในตะวันออกกลาง อย่าแปลกใจที่เห็นกองทัพรัสเซียตั้งอยู่ในประเทศซีเรียซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอิสราเอล เพราะแม้ว่าสงครามต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงกลียุคก็ตาม แต่กลียุคกินเวลาแค่ 7 ปี เท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นสถานการณ์โลกค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงสอดคล้องคำทำนาย อย่าแปลกใจถ้าเห็นรัสเซียมีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก

ในดาเนียล 9:27 บอกว่าพอครบเวลา 3.5 ปี ปฏิปักษ์พระคริสต์ (Antichrist) จะยกเลิกสัญญา นั่นหมายความว่าตอนนี้ ปฏิปักษ์พระคริสต์ (Antichrist) ได้ย้ายฝ่ายไปอยู่กับประเทศต่าง ๆ ที่กำลังโจมตีอิสราเอล และเป็นผู้นำกองทัพเหล่านั้นเข้ามาโจมตีอิสราเอลเสียเอง สงครามครั้งนี้เป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่คนทั้งโลกมีส่วนร่วม ส่วนสมรภูมิรบก็คือประเทศอิสราเอลนั่นเอง ในพระคัมภีร์เรียกช่วงครึ่งหลังของ 3.5 ปี นั้นว่า “มหากลียุค” เพราะมีแต่ความทุกข์ยากลำบาก มีแต่ภัยพิบัติและสงคราม เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

ไม่เพียงแต่ “พระราชาแห่งถิ่นใต้” กับ “พระราชาแห่งถิ่นเหนือ” ที่มาร่วมกันโจมตีอิสราเอลเท่านั้น ต่อมายังมี “กษัตริย์จากทิศตะวันออก” ที่เข้ามาร่วมสงครามโจมตีอิสราเอลด้วยเช่นเดียวกัน

“กษัตริย์จากทิศตะวันออก” (วิวรณ์ 16:12, วิวรณ์ 9:16) นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าพระคำในสองตอนนี้คือเหตุการณ์เดียวกัน นั่นก็คือจะมีกองทัพจากทิศตะวันออกจำนวน 200 ล้านคน เข้าร่วมสงครามครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งก็คือ สงครามอารมาเกดโดน เพื่อช่วยกันโจมตีคนอิสราเอล หลายคนให้ความเห็นว่าจำนวนทหารที่มากมายนี้อาจจะมาจากประเทศจีนและอินเดีย ในขณะที่บางส่วนเชื่อว่าจะเป็นชาวมุสลิมจากประเทศต่าง ๆ ในเอเชียที่เข้ามาร่วมในกองทัพเพื่อทำสงครามอันศักดิ์สิทธิ์นี้

เป็นที่น่าสังเกตว่าพระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึง “ประเทศสหรัฐอเมริกา” เลย ทั้ง ๆ ที่อเมริกาเป็นผู้นำโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านการทหาร อเมริการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอิสราเอลมาโดยตลอด จะเห็นว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ประเทศอิสราเอลจะต้องเป็นประเทศแรกที่ประธานาธิบดีคนใหม่โทรไปหาเสมอ แต่เมื่ออิสราเอลกำลังโดนคนทั้งโลกโจมตี “ประเทศสหรัฐอเมริกา” หายไปไหน? ไม่น่าเป็นไปได้ที่พี่ใหญ่อย่างอเมริกาจะอยู่เฉย ๆ เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เรามั่นใจว่าพระคัมภีร์ไม่เคยบันทึกอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน... อ่านต่อ

 

หน้า 1 | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 | หน้า 6 | หน้า 7 | หน้า 8


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com