พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > มันจะได้ผลกับเราไหม?

มันจะได้ผลกับเราไหม?

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

“หงส์” เป็นสัตว์ที่อยู่ในวงศ์เดียวกับเป็ดและนกเป็ดน้ำ เป็นสัตว์ที่ถือว่ามีความสวยงามและสง่างามที่สุด มีท่วงท่าที่อ่อนช้อยโดยเฉพาะเวลาว่ายน้ำ ช่วงคอที่ยาวจะโค้งงอเป็นรูปตัว S จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นหงส์ตามสวนสาธารณะหรือตามสวนสัตว์ต่าง ๆ ชีวิตเราหลาย ๆ คนก็เช่นเดียวกัน เราอยากจะมีชีวิตที่สง่างาม เป็นชีวิตที่มีแต่คนมอง คนชื่นชม เหมือนกับหงส์ที่ว่ายน้ำอยู่ในบึง แต่เรารู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังความสง่างามของหงส์นั้น ขาของมันต้องทำงานตลอดเวลาเพื่อให้ตัวสามารถแล่นลอยไปตามผิวน้ำได้ น่าเสียดายที่หลาย ๆ คนอยากมีชีวิตเหมือนกับหงส์แต่กลับละเลยเบื้องหลังแห่งความสำเร็จ ซึ่งก็คือการลงมือทำอย่างเต็มที่นั่นเอง

1 พงษ์กษัตริย์ 19:19 – 21

"เอลียาห์ก็ออกจากที่นั่นและพบเอลีชาบุตรชาฟัท ผู้กำลังไถนาอยู่ด้วยวัวคู่หนึ่ง มีวัวอื่นอีกสิบเอ็ดคู่ที่เดินอยู่ข้างหน้า และท่านอยู่กับวัวคู่ที่สิบสอง เอลียาห์ก็ผ่านไปโยนเสื้อคลุมลงบนท่าน ท่านก็ละวัวเหล่านั้น วิ่งตามเอลียาห์ไปและกล่าวว่า “ขอให้ข้าพเจ้าไปจูบลาบิดามารดาของข้าพเจ้าก่อน และข้าพเจ้าจะติดตามท่านไป” เอลียาห์จึงกล่าวกับเอลีชาว่า “ไปเถิด แล้วกลับมาอีก เพราะเราได้ทำอะไรแก่ท่าน?” และเอลีชาก็ละเอลียาห์ไว้ ท่านกลับไปและจับวัวคู่นั้นฆ่าเสีย เอาเครื่องแอกต้มเนื้อวัว และให้แก่ประชาชน และพวกเขาก็รับประทาน แล้วเอลีชาก็ลุกขึ้น ตามเอลียาห์ไปและปรนนิบัติท่าน"

2 พงษ์กษัตริย์ 2:7 – 14

"คน 50 คนจากกลุ่มผู้เผยพระวจนะก็ไปด้วยเช่นกัน และยืนอยู่ไกลออกไป ส่วนท่านทั้งสองยืนอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน แล้วเอลียาห์เอาเสื้อคลุมของท่านม้วนเข้าแล้วฟาดลงที่น้ำนั้น น้ำก็แยกออกไปสองข้าง ท่านทั้งสองก็เดินข้ามไปบนดินแห้ง เมื่อข้ามไปแล้ว เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้ ก็จงขอเถิด ก่อนที่เราจะถูกรับไปจากท่าน” และเอลีชาตอบว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านสองส่วน” และเอลียาห์ตอบว่า “ท่านขอสิ่งที่ยากนัก แต่ถ้าท่านเห็นเราถูกรับไปจากท่าน ท่านก็จะได้อย่างนั้น แต่ถ้าท่านไม่เห็น ท่านก็จะไม่ได้” เมื่อท่านทั้งสองยังเดินสนทนากันต่อไป ดูสิ รถรบเพลิงคันหนึ่งและพวกม้าเพลิงได้แยกเขาทั้งสองออกจากกัน และเอลียาห์ได้ขึ้นไปสวรรค์โดยพายุ เอลีชาเห็น และร้องว่า “พ่อของข้า พ่อของข้า รถรบแห่งอิสราเอล และทหารม้าประจำรถ” และท่านก็ไม่ได้เห็นเอลียาห์อีกเลย แล้วท่านจับเสื้อของตนฉีกออกเป็นสองท่อน เอลีชาก็หยิบเสื้อคลุมของเอลียาห์ ที่ตกลงมาจากเอลียาห์นั้น และกลับไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดน แล้วท่านก็เอาเสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ตกลงมานั้น ฟาดลงที่น้ำ กล่าวว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์สถิตที่ใด?” และเมื่อท่านฟาดลงที่น้ำ น้ำก็แยกออกไปสองข้าง และเอลีชาก็เดินข้ามไป”

เมื่อพระเจ้าต้องการจะทำอะไรให้สำเร็จ พระองค์มักจะทำผ่านทางคนของพระองค์เสมอ การที่พระเจ้าทรงเลือกเอลีชาให้เป็นผู้เผยพระจนะต่อจากเอลียาห์นั้นไม่ได้เกิดจากความต้องการของตัวเอลีชาเอง แต่เป็นมาจากพระเจ้า พระเจ้าจะใช้ใครที่พระองค์ทรงเลือกก็ได้ และเมื่อพระเจ้าทรงเลือกใครนั้นไม่เคยมีคำว่าไม่สำเร็จ พระเจ้ามีคนให้ใช้เสมอ จากโมเสสไปโยชูวา จากเอลียาห์ไปเอลีชา จากซาอูลไปดาวิดและไปถึงซาโลมอน ไม่มีใครสามารถขวางไม่ให้พระเจ้าทรงทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการจะทำได้

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือ อย่าให้มารมาทำให้เราคิดว่าเราเป็นคนเก่ง เป็นคนที่มีความสามารถมากพระเจ้าจึงใช้ให้เราทำงานของพระองค์ อย่าคิดว่าพระเจ้าหาคนที่มีความสามารถแบบเราไม่ได้ หรือหาคนที่ทำงานดีกว่าเราไม่ได้เลยต้องมาใช้เรา สำหรับพระเจ้านั้น ไม่มีคำว่าหาคนมาแทนเอลียาห์ไม่ได้!!

มันจะได้ผลกับเราไหม?

1. พระคำพระเจ้ายิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง

คำว่า “พระคำพระเจ้า” นั้น ไม่ใช่หมายถึงแค่พระคัมภีร์เท่านั้น ในยอห์น 1:1 บอกว่า “ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า” ดังนั้น คำว่า “พระคำพระเจ้า” จึงไม่ได้หมายความถึงแค่หนังสือที่เราถือ แต่หมายถึงพระเจ้าด้วย และเมื่อพระองค์ทรงตรัสอะไร สิ่งนั้นจะต้องสำเร็จ

พระเจ้าสามารถใช้ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้แต่เด็ก ๆ ทำงานของพระองค์ พระเจ้าจะใช้ใครก็ได้ ดังนั้นอย่าให้เราคิดตัดสินว่าพระเจ้าควรจะเลือกใช้ใคร เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าและสามารถเลือกใช้ใครก็ได้ตามพระประสงค์ของพระองค์ ทั้งนี้ก็เพื่อพระเกียรติและพระสิริของพระองค์เท่านั้น

พระเจ้าสามารถใช้คนที่มีปัญญาหรือคนที่โลกถือว่าไม่ฉลาดได้ เหมือนกับการที่พระเจ้าทรงใช้เปาโลผู้มีการศึกษาสูง มีตำแหน่ง มีหน้ามีตาในสังคม แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงใช้เปโตรผู้เป็นชาวประมงและไม่มีการศึกษาทำงานของพระองค์ พระเจ้าทรงใช้ทั้งคู่ เพราะนี่ไม่ใช่การทำงานของเนื้อหนัง แต่เป็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์

สำหรับเอลีชานั้น เขาคงคิดวันนี้ก็คงเป็นแค่วันธรรมดา ๆ อีกวันหนึ่งที่เขาต้องไปทำงานตามปกติเท่านั้น เอลีชาทำงานอยู่ในทุ่งนาของพ่อแม่ ทำงานตามอาชีพที่สืบต่อกันมา เขามีกิจการของตัวเอง เขาสามารถหาเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ เขามีชีวิตที่มั่นคง เป็นชีวิตที่มีหลักประกันว่าอนาคตจะไม่มีทางลำบากอย่างแน่นอน ชีวิตของเขาถูกวางเอาไว้ เป็นชีวิตที่พ่อแม่กำหนดให้ลูกเอาไว้อย่างดี

เอลีชาไม่รู้เลยว่าพระเจ้ากำลังจะเข้ามาแทรกแซงและเปลี่ยนชีวิตเขาทั้งชีวิต บางครั้งคำพูดแค่เพียงประโยคเดียว ตัวหนังสือแค่เพียงบรรทัดเดียว การประชุมแค่การประชุมเดียว หรือคนแค่เพียงคนเดียวก็สามารถเปลี่ยนชีวิตเราตลอดไปได้ และการเปลี่ยนแปลงนั้นได้นำความขัดแย้งอย่างใหญ่หลวงมาสู่ชีวิตเรา เป็นสถานการณ์ที่เราต้องตัดสินใจ

แน่นอนว่าเอลีชาเกิดความกดดันในชีวิต เพราะเขามีพ่อแม่ที่ต้องดูแล เขามีกิจการที่ต้องรับผิดชอบ และถ้าเขาไม่อยู่แล้วใครจะมาทำหน้าที่แทนเขา? เขาถูกฝึกถูกเลี้ยงดูมาทั้งชีวิตก็เพื่อให้สืบทอดการทำนานี้ แล้วพ่อแม่ของเขาจะว่ายังไง? เอลีชาเป็นทั้งมรดก เป็นทั้งอนาคต เขาเป็นทุกสิ่งของคนในบ้าน เขามีชีวิตที่ดีที่ราบรื่นมานานจนกระทั่งเจอเหตุการณ์ที่เหมือนระเบิดลงมาในชีวิต

พระเจ้าไม่เคยตรัสกับเอลีชาเลยว่าพระองค์ต้องการใช้เขาให้เป็นผู้เผยพระวจนะต่อจากเอลียาห์ ใน 1 พงษ์กษัตริย์ 19:16 พระเจ้าบอกให้เอลียาห์เจิมเอลีชาให้เป็นผู้เผยพระวจนะแทนตัวเขาเอง ทำไมพระเจ้าไม่พูดกับเอลีชาโดยตรงละ? ทำไมต้องเรียกเอลีชาผ่านทางคนอื่น?

“พระคำพระเจ้ายิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง” พระองค์จะใช้วิธีไหนเรียกคนของพระองค์ก็แล้วแต่พระองค์ เราไม่มีสิทธิที่จะมากำหนดว่าถ้าพระเจ้าต้องการเรียกเรา ถ้าพระเจ้าต้องการจะใช้เรา พระองค์ต้องเรียกเราแบบนั้น พระองค์ต้องทำแบบนี้เราถึงจะยอมรับใช้พระองค์

เอลีชาไถนาด้วยวัว 12 คู่ แสดงว่าเขามีผืนนาที่ค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งเขายังเป็นคนหนุ่มมีเรี่ยวแรงดีสามารถทำงานได้ นี่คือชีวิตที่ครอบครัวของเขาคาดหวังให้เขาเป็น และถ้าพระเจ้าไม่เข้ามาแทรกแซง เอลีชาก็คงไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นคนตามการคาดหวังของคนอื่นได้ เอลียาห์ได้มาเปิดตาของเอลีชาให้มองเห็นว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการใช้ชีวิตแบบไหน เป็นชีวิตที่เขาต้องเลือกเอง ไม่ใช่การใช้ชีวิตตามการคาดหวังของคนอื่น คนที่อยู่รอบข้างเรามักคาดหวังให้เราดำเนินชีวิตตามแบบแผน ตามอย่างที่สามารถคาดเดาหรือทำนายได้ แต่เอลียาห์มาทำให้ชีวิตไม่สามารถทำนายได้ และ “นี่คือต้นเหตุของปัญหา” นั่นก็คือ เราจะอยู่กับคนที่ลงทุนกับชีวิตเราและเป็นไปตามที่พวกเขาคาดฝัน หรือเราจะไปตามทางของเราเอง ซึ่งเป็นการเดินไปตามความฝันของเรา การตัดสินใจนี้เป็นเรื่องที่ยาก เอลีชาจำเป็นต้องได้รับ “คำหนุนใจ” จากใครบางคนเพื่อจะเป็นตัวของตัวเอง และนี่คือสาเหตุที่พระเจ้าทรงใช้เอลียาห์มานั่นเอง

สิ่งหนึ่งที่เราควรระลึกไว้เสมอก็คือ เราไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ถ้าหากเรามีชีวิตตามแบบคนอื่น เราจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเรามีชีวิตตามแบบของเราเอง ดังนั้นเราต้องหาให้เจอว่าแท้จริงแล้วเราเป็นใคร ไม่ใช่เป็นไปตามการคาดหวังของใคร พระเจ้าไม่สามารถอวยพรเราได้หากเราไม่เป็นตัวของเราเอง

เอลียาห์ไม่รู้ว่าเอลีชาจะติดตามเขา เพราะพระเจ้าบอกแค่ให้เจิมเอลีชาเท่านั้น (16) พระเจ้าไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเลย เอลียาห์เชื่อฟังและทำตามสิ่งที่พระเจ้าตรัส หลายครั้งเรามัวแต่รอรายละเอียดจากพระเจ้าจนเราไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไรเสียที พระเจ้าอยากให้เราเดินกับพระองค์วันต่อวัน เมื่อเราทำตามสิ่งที่พระเจ้าบอก พระองค์ก็จะค่อย ๆ เปิดเผยรายละเอียดไปทีละก้าว ไม่ใช่ให้เรารู้ทั้งหมดก่อนออกเดินทาง เรามักถามว่าทำอย่างนี้แล้วจะยังไงต่อ จะให้ไปอยู่ที่ไหน จะสอนอะไร คนอื่นจะมองว่ายังไง เรามักเอาแต่ถามกับถาม แต่ไม่ยอมเชื่อฟังสิ่งที่พระเจ้าบอกให้ทำสักที

เราพร้อมที่จะเป็นตัวเองหรือยัง? เราเหนื่อยที่จะเล่นบทบาทแบบตอนนี้ไหม? เราเสียเวลาไปแล้วตั้งเท่าไร? ไม่สำคัญว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหน สำคัญคือเราต้องการ “คำหนุนใจ” เราต้องการคนอย่างเอลียาห์ เพื่อที่จะออกจากจุดที่เรายืนอยู่ และเดินไปข้างหน้าตามการทรงเรียกของพระเจ้า

มันจะได้ผลกับเราไหม?

2. เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตเพื่อที่จะรับใช้

ในโรม 12:1 บอกว่า “ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน”

เอลีชาต้องยอมถวายตัวเองเป็นเครื่องบูชาอันมีชีวิต เขาต้องเสียสละมาก เพราะการตัดสินใจครั้งนี้เสี่ยงที่จะทำลายความสัมพันธ์กับครอบครัว เสี่ยงถูกมองว่าเป็นคนโง่ เสี่ยงที่จะล้มเหลว แต่เขากล้าที่จะเป็นตัวเอง ไม่ใช่เป็นไปตามบทบาทที่คนคาดหวัง เป็นไปตามบทบาทที่คนวางเอาไว้ การที่เราอยู่ตรงนั้นมานาน ไม่ใช่ว่านั่นคือตัวตนของเราเอง!!

เอลีชายอมเสี่ยงทุกอย่างในชีวิตเพื่อติดตามเอลียาห์ เขายอมเปลี่ยนบทบาทจากการ “เป็นผู้นำ” ในทุ่งนา มาเป็น “ผู้รับใช้” ของเอลียาห์ เอลีชาต้องยอมถ่อมใจ ยอมละทิ้งตำแหน่งเพื่อติดตามเป็นผู้รับใช้เอลียาห์ และนี่คือหัวใจของการรับใช้ นั่นก็คือการยอมรับใช้ผู้อื่น เหมือนพระเยซูที่มาบนโลกนี้ก็เพื่อรับใช้ ในมาระโก 10:45 พระเยซูทรงตรัสว่า “เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”

เอลีชาฆ่าวัวที่ใช้เวลาเลี้ยงดูมานาน เอาเครื่องแอกต้มเนื้อวัวมาทำเป็นอาหารเลี้ยงประชาชน ไม่มีใครบอกให้เขาทำแบบนี้ แต่นี่เป็นการแสดงถึงความตั้งใจจริงของเขาที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง เลือกที่จะติดตามเป็นผู้รับใช้เอลียาห์ เพราะเขาหันหลังกลับไม่ได้แล้ว เขาต้องเดินหน้าเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกัน เราต้องปิดทุกประตูเพื่อไม่ให้เราหันหลังกลับได้ และเดินตามพระเจ้า เราต้องไม่มีแผนสอง มีแผนการเดียวคือการเชื่อฟังพระเจ้าเท่านั้น

เมื่ออิสราเอลออกเดินทางจากอียิปต์ถึงแม่น้ำจอร์แดน โมเสสชูไม้เท้าของตนขึ้นและนำคนอิสราเอลให้เดินผ่านแม่น้ำไป หลังจากนั้นน้ำก็ไหลท่วมกองทัพอียิปต์ที่กำลังติดตามไล่ล่ามา นั่นก็คือการปิดประตูห้ามหันหลังกลับอีก เพราะฟาโรห์คงไม่ปล่อยคนที่ฆ่าทหารของตัวเองตายไปเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

เมื่อเราติดตามพระเจ้า เราอาจจะกลัว เราอาจจะอยากกลับไปในที่ที่เราคุ้นเคย กลับไปยังที่ที่ปลอดภัย ดังนั้นเราจำเป็นต้องปิดทุกประตูเพื่อไม่ให้เราหันหลังกลับได้ และอย่าให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับประตูที่เปิดออกเท่านั้น แต่ให้ขอบคุณพระเจ้าสำหรับประตูที่ปิดด้วย เพื่อที่เราจะได้ไม่หันหลังกลับ เพื่อทีเราจะได้มุ่งมั่นในการรับใช้พระองค์

มันจะได้ผลกับเราไหม?

3. ติดตามอย่างมั่นคง

เอลีชาเป็นผู้รับใช้เอลียาห์นานถึง 6 ปี ก่อนที่พระเจ้าจะมารับเอลียาห์ไป เช่นเดียวกับชีวิตเราที่ต้องมั่นคง เราต้องรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ ไม่ว่าเราจะรู้สึกดีเหมือนอยู่บนยอดเขา หรือรู้สึกแย่ รู้สึกตกต่ำแค่ไหน เราต้องมั่นคงยังคงทำในสิ่งที่พระเจ้าให้ทำอย่างสม่ำเสมอ อย่าทำอะไรตามอารมณ์ของเรา เหมือนกับการทำงานหรือทำธุรกิจ ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์แค่ไหน ธุรกิจก็ยังต้องเปิด ยังคงต้องเดินหน้า แม้ว่าเราจะเศร้าเสียใจ งานเราก็ยังคงต้องทำ และนี่คือความหมายของคำว่า “ติดตามอย่างมั่นคง” นั่นเอง

หลายครั้งเราผ่านการทดสอบเพียงเพราะว่าเรายังคงมั่นคง ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ล้มเลิกไป พระเจ้าทรงทดสอบเอลีชาถึง 6 ปี เพื่อจะเห็นว่าเขายึดมั่นอยู่ในทางของพระองค์ เขาเป็นคนที่ใช้การได้ เป็นเรื่องปกติที่เราอยากให้พระเจ้ามั่นคงในการอวยพรเรา แต่คำถามก็คือ แล้วเรามั่นคงแค่ไหนที่จะเดินตามทางของพระเจ้า? เราจำเป็นต้องผ่านการทดสอบการ “ติดตามอย่างมั่นคง” นี้ เพื่อพระเจ้าจะสามารถอวยพรเราได้

สิ่งสำคัญคืออย่าทำอะไรตามอารมณ์ความรู้สึก เพราะอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ให้เราดูพระเยซูคริสต์ที่ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในการรับใช้ เป็นแบบอย่างที่ดีในการ “ติดตามอย่างมั่นคง” พระองค์ไม่เคยให้ความรู้สึกมานำการรับใช้ การที่พระองค์ยอมรับโทษแทนเราบนไม้กางเขนนั้น พระองค์ยอมอาย ยอมทนทุกข์ ยอมโดนทิ้ง ถ้าหากพระเยซูทำตามความรู้สึกของตนเอง แล้วงานของพระเจ้าจะสำเร็จไหม? เราต้องมั่นคง และให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระเจ้า

มันจะได้ผลกับเราไหม?

4. ทันทีทันใด

ในปีที่หกเอลียาห์บอกให้เอลีชาจากไป ไม่ใช่ปีที่หนึ่ง สอง หรือสาม แต่เป็นปีที่หก เอลีชาไม่ยอม เอลียาห์จึงถามเอลีชาว่าอยากได้อะไรเป็นครั้งสุดท้าย เอลีชาจึงขอรับฤทธิ์เดชสองส่วน นี่คือมรดกที่บุตรหัวปีได้รับ เอลีชากำลังขอเป็นผู้สืบทอดต่อจากเอลียาห์ เป็นการขอที่ยากเพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะให้ได้ เขาขอในสิ่งที่เกินความสามารถของเอลียาห์ เอลีชารับใช้มาหกปี แล้วทันทีทันใด สวรรค์ก็เปิดออก รถม้ามารับเอลียาห์ พระเจ้าเสด็จมา

เราอาจจะรับใช้พระเจ้ามาหลายปี มันอาจจะไม่ได้ผลมานาน อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมานาน ให้เรา “ติดตามอย่างมั่นคง” ให้เรา “รับใช้” ต่อไป เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า “และในทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปิดออก” ภูเขาจะเคลื่อนไป ประตูจะเปิดออก พระเจ้าจะให้เราแบบทันทีทันใด

5. มันจะได้ผลกับเราไหม?

ในข้อที่ 13 – 14 บอกว่า “เอลีชาก็หยิบเสื้อคลุมของเอลียาห์ ที่ตกลงมาจากเอลียาห์นั้น และกลับไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดน แล้วท่านก็เอาเสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ตกลงมานั้น ฟาดลงที่น้ำ กล่าวว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์สถิตที่ใด?”” “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์สถิตที่ใด?” หมายถึง มันจะได้ผลสำหรับฉันไหม?

เราอาจจะเห็นอาจารย์หรือพี่เลี้ยงของเราอธิษฐานขอแล้วพระเจ้าทรงตอบ เราอาจจะเห็นหลาย ๆ คนเป็นพยานว่าเมื่อทำอย่างนั้นแล้ว ทำอย่างนี้แล้ว พระเจ้าทรงฟัง และหลายครั้งเราก็เหมือนกับเอลีชา เราสงสัยว่าหากเราทำตามแบบนั้นแล้ว มันจะได้ผลสำหรับฉันไหม?

พระเจ้าไม่ได้ให้ความมั่นใจหรือพระสัญญาอะไรเลย ผิดกับโยชูวาที่พระเจ้าบอกว่าเราอยู่กับโมเสสมาแล้วฉันใด เราจะอยู่กับเจ้าด้วยฉันนั้น พระเจ้าให้เอลีชาค้นหาเอาเองว่ามันจะได้ผลยังไง เช่นเดียวกับชีวิตเรา เราอาจจะได้ยินคำเทศนามาเป็นปี ๆ แต่มันไม่มีประโยชน์ถ้ามันไม่สามารถเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเราได้ มันไม่ได้ผลถ้าเราแค่ฟัง มันไม่ได้ผลถ้าเราแค่พูดเกี่ยวกับมัน มันไม่ได้ผลถ้าเราตะโกน เราต้องค้นหาเอาเองว่ามันจะได้ผลยังไง

มันจะได้ผลกับเราไหม?

เอลีชาเรียนรู้ที่จะทำตามแบบพ่อของเขา ทำตามอย่างที่เอลียาห์ได้กระทำนั้น แม้ว่าครั้งแรกจะไม่สำเร็จ แต่เขาไม่ย่อท้อ เขาไม่หมดหวัง เขาไม่ขาดความเชื่อ เขาลงมือทำอีกครั้ง เขาเอาเสื้อคลุมของเอลียาห์ฟาดลงที่น้ำอีกครั้งหนึ่ง ผลก็คือ “น้ำก็แยกออกไปสองข้าง และเอลีชาก็เดินข้ามไป” มันได้ผลเมื่อลงมือทำ

การมีความเชื่อนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือการลงมือทำตามความเชื่อนั้น เหมือนในยากอบ 2:14 ที่กล่าวไว้ว่า “พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร?” ชีวิตเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ในบางมุมของชีวิต เราต้องได้รับผลเหมือนกับที่เอลีชาได้รับเมื่อเรากล้าที่จะลงมือทำ เราต้องทำงานหนัก แล้วเราจะได้รับ ไม่ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ไม่ว่าความฝันของเราคืออะไร มันจะได้ผลเมื่อเราลงมือทำ ความสำเร็จมีราคาสูงที่ต้องจ่าย เราต้องลงมือทำ เราต้องโชว์ให้คนอื่นเห็นว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์สถิตที่ใด?”

“กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น” ยากอบ 2:26


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com