พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > ความเชื่อ ชัยชนะเหนือความกลัว

ความเชื่อ ชัยชนะเหนือความกลัว

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

เวลานี้ทุกคนในประเทศไทยต่างก็หวาดกลัวเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 ในแต่ละวันมีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ในขณะที่โรงพยาบาลไม่มีเตียงพอสำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ การกักตัวจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สำคัญที่จะลดจำนวนคนป่วยลง และแน่นอนว่าปัญหาทางเศรษฐกิจย่อมส่งผลกระทบตามมาในเมื่อไม่สามารถทำงานได้ นี่จึงเป็นบททดสอบความเชื่อที่สำคัญอีกบทหนี่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคริสเตียนของเราแต่ละคน

ความเชื่อ ชัยชนะเหนือความกลัว

ในระบบการศึกษานั้น โรงเรียนต่าง ๆ จะมีการทดสอบเด็กนักเรียนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการสอบย่อย สอบเก็บคะแนน หรือการสอบใหญ่เพื่อเลื่อนชั้น การทดสอบเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษา ทั้งนี้เพื่อเป็นการวัดระดับความรู้ของเด็กแต่ละคนว่าเพียงพอที่จะก้าวไปศึกษาในระดับชั้นที่สูงขึ้นหรือไม่ แล้วเรารู้หรือไม่ว่าในการดำเนินชีวิตคริสเตียนนั้น พระเจ้าก็ทรงทดสอบเราเช่นเดียวกัน การทดสอบของพระเจ้าก็เพื่อจะดูว่าเราสามารถนำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้จริงในชีวิตประจำวันได้มากน้อยเพียงใด หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เรามีความเชื่อเพียงพอไหมที่จะก้าวผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตแต่ละวัน

ในมาระโกบทที่ 4 พระเยซูได้สอนเรื่องราวของพระเจ้าให้ฝูงชนจำนวนมากฟัง เปรียบเหมือนกับการสอนทฤษฎีต่าง ๆ ให้นักเรียนฟัง เป็นการสอนที่ยาวนานจนถึงเวลาเย็น หลังจากนั้นพระเยซูจึงบอกสาวกให้ข้ามไปอีกฟากหนึ่งตามที่มีบันทึกไว้ในมาระโก 4:35 – 36 ว่า “เย็นวันนั้นพระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ให้เราข้ามไปอีกฟากหนึ่งเถิด” พวกเขาก็พาพระองค์ไปในเรือที่ประทับอยู่นั้น โดยละฝูงชนไว้ข้างหลังและมีเรืออื่นๆ หลายลำตามพระองค์ไปด้วย”

ระหว่างการเดินทางนั้นก็เกิดพายุขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทะเลสาบกาลิลีกว้างประมาณ 12 กิโลเมตร ยาวประมาณ 19 กิโลเมตร ทะเลสาบอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร รอบ ๆ ทะเลสาบนั้นล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลระหว่าง 450 – 750 เมตร เมื่อเกิดลมพัด โดยเฉพาะลมจากทิศตะวันออกที่พัดเอาความเย็นจากภูเขาลงมา เมื่อลมเย็นตกลงมาพบกับอากาศร้อนเหนือทะเลสาบที่กำลังลอยขึ้น ก็ทำให้เกิดพายุรุนแรงแบบกะทันหัน พายุในทะเลสาบกาลิลีจึงไม่อาจคาดเดาได้ เพราะแม้ว่าก่อนออกเรืออากาศจะแจ่มใสก็ตาม แต่ก็มีโอกาสเกิดพายุรุนแรงได้ทุกเมื่อ

เรารู้ว่าสาวกที่อยู่กับพระเยซูในเรือนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ทุกคนต่างคุ้นเคยกับทะเลสาบกาลิลีเป็นอย่างดี หลาย ๆ คนคงจะเคยพบเจอกับพายุในทะเลสาบนี้มาอย่างนับไม่ถ้วน พวกเขารู้ว่าต้องพายเรือยังไง จะรับมืออย่างไรเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับเรือ แต่ว่าพายุที่เจอในครั้งนี้ไม่เหมือนกับพายุลูกอื่น ๆ ที่เคยประสบมา เป็นพายุที่ไม่ปกติที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว มีความรุนแรงมากถึงขนาดทำให้ชาวประมงมืออาชีพหวาดกลัวได้ ความรุนแรงของพายุทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดน้ำเข้ามาท่วมเรือจนทำให้เรือใกล้จะจมลง ความตายกำลังใกล้เข้ามาแบบไม่สามารถทำอะไรได้

ความเชื่อ ชัยชนะเหนือความกลัว

โรคโควิด-19 ก็ไม่ต่างกับพายุรุนแรงลูกนี้ เป็นพายุที่ไม่ปกติ หลาย ๆ คนอาจจะเคยเจอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมาแล้วหลายระรอก หรืออาจจะเคยพบประสบกับปัญหาทางด้านสุขภาพมาแล้วหลายครั้ง แต่โควิด-19 ต่างจากพายุลูกอื่น ๆ ที่เคยพบมา เป็นปัญหาที่เข้ามาแบบกะทันหันไม่ทันตั้งตัว ไม่เคยมีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งไหนจะรุนแรงเท่าครั้งนี้ เป็นความตกต่ำที่ส่งผลกระทบไปในวงกว้าง ทุก ๆ ภาคส่วนได้รับความเดือนร้อนเหมือนกันหมด ไม่เคยมีครั้งใดที่ธุรกิจจะต้องถูกบังคับให้หยุดกิจการ ถูกบังคับให้เปิดทำการน้อยลง ไม่เคยมีครั้งใดที่คนมีงานทำอยากจะทำงานแต่ไม่สามารถออกไปทำงานได้ ทุกคนถูกบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ชะลอหรือหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ลง

ปัญหาทางด้านสาธารณะสุขก็รุนแรงไม่แพ้กัน ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนที่ทำให้เกิดวิกฤติด้านสาธารณะสุขเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาคนป่วยแม้ไม่มีเงินก็ยังสามารถใช้สิทธิต่าง ๆ เข้าทำการรักษาได้ แต่ปัจจุบันไม่ว่าจะรวยหรือจนแค่ไหนต่างก็ประสบปัญหาเดียวกัน คนป่วยไม่มีที่ให้รักษา โรงพยาบาลมีเตียงไม่พอ และที่ซ้ำร้ายก็คือแพทย์หลาย ๆ คนป่วยไม่สบายหรือไม่ก็ถูกกักตัวไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เราจะเห็นภาพคนป่วยนอนรอห้องอยู่นอกโรงพยาบาลจำนวนมาก ความตายกำลังใกล้เข้ามาแบบไม่สามารถทำอะไรได้

หลาย ๆ ครั้งเมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก เรามักโทษมารซาตานว่าอยู่เบื้องหลังสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าก็เป็นได้ มารซาตานนำความทุกข์มาสู่ชีวิตของเราเพื่อทำให้เราออกห่างจากทางของพระเจ้า ซึ่งเรียกว่า “การทดลอง” แต่พระเจ้านำปัญหาต่าง ๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเราเพื่อให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรียกว่า “การทดสอบ” แม้ว่าทั้งสองแบบจะนำความยากลำบากมาสู่ชีวิตของเราเหมือนกัน แต่ปลายทางนั้นกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง จะเห็นว่าเมื่อเหล่าสาวกต้องเผชิญกับพายุ เผชิญกับความยากลำบาก แต่สิ่งนี้อยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า เพราะพระเยซูเป็นคนนำเขามาสู่ปัญหาเหล่านี้เหมือนกับที่บอกไว้ในในมาระโก 4:35 ว่า เย็นวันนั้นพระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ให้เราข้ามไปอีกฟากหนึ่งเถิด” นี่จึงเป็นการทดสอบที่เกิดขึ้นจากพระเจ้า

แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าพระเจ้าเป็นคนสร้างโรคโควิด-19 เพื่อทำให้คนตายไปเป็นจำนวนมาก ถ้าหากเราดูในพระธรรมปฐมกาล เมื่อพระเจ้าสร้างโลก ในปฐมกาล 1:31 บอกว่า “พระเจ้าทอดพระเนตรทุกสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก เวลาเย็นและเวลาเช้าผ่านไป นี่เป็นวันที่หก” พระเจ้าทรงเห็นว่าทุกสิ่งที่ทรงสร้างนั้นดี พระเจ้าสร้างโลกมาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นโลกที่มีแต่ความสุข ไม่มีโรคร้าย ไม่มีความตาย แต่โลกกลับกลายมาเป็นอย่างที่เห็นก็เพราะความบาปที่มนุษย์ได้ทำ เป็นเพราะการที่มนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า มนุษย์จึงต้องรับผลความบาปที่ตนได้ทำนั้น แต่พระเจ้าทรงสามารถใช้ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีเพื่อพระประสงค์ของพระองค์ได้ บางครั้งพระเจ้าก็ใช้เรื่องร้าย ๆ เพื่อลงโทษคนบาป แต่ในขณะเดียวกันพระเจ้าก็ใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อให้เราเติบโตกับพระเจ้าไปอีกขั้นหนึ่ง

ความเชื่อ ชัยชนะเหนือความกลัว

เมื่อตอนที่เราเรียนหนังสือ เวลาที่มีการสอบนั้นโดยปกติก็จะมีอาจารย์คุมสอบอยู่ในห้อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่าการสอบจะเป็นไปด้วยดี แม้ว่าบางครั้งคนคุมสอบอาจจะเดินออกไปข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลนัก ทุกอย่างยังอยู่ในระยะสายตา เช่นเดียวกัน ในหลาย ๆ ครั้งที่เราประสบกับปัญหา เราร้องเรียกหาพระเยซู ทูลอ้อนวอนต่อพระองค์ให้ทรงช่วย แต่ก็ดูเหมือนพระเยซูไม่ได้อยู่ด้วย มีแต่ความเงียบ ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับมา เหมือนในมาระโก 4:38 ที่บอกว่า “พระเยซูทรงหนุนหมอนบรรทมอยู่ท้ายเรือ” พระเยซูทรงหลับอยู่และเป็นการหลับที่ลึกเสียด้วย จึงไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากพระองค์แม้ว่าจะเกิดพายุใหญ่รุนแรงพัดเข้ามาในชีวิตของเรา สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่อยากให้เราระลึกไว้เสมอก็คือ ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น พระเยซูทรงอยู่ใกล้ ๆ พระองค์ไม่ได้ไปไหนไกล ทุกอย่างยังอยู่ในระยะสายตา เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่าจะไม่ละหรือทอดทิ้งท่านเลย (ฮิบรู 13:5 “เราจะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน เราจะไม่มีวันละทิ้งท่าน”)

อยากให้เราลองดูชีวิตของโยเซฟเป็นตัวอย่าง โยเซฟถูกพี่ชายขายไปเป็นทาสที่อียิปต์ หลังจากนั้นก็เข้าไปรับใช้อยู่ในบ้านของโปทิฟาร์ โยเซฟได้เลื่อนตำแหน่งจากทาสเป็นคนดูแลทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้าน ดูเหมือนว่าชีวิตจะดีขึ้น แต่ก็ยังเกิดเหตุที่ทำให้ชีวิตพลิกผัน โยเซฟถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุก มีปัญหาเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่เคยจบ ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะหลับอยู่ท่ามกลางมรสุมชีวิตที่รุนแรงของโยเซฟ แต่ท่ามกลางปัญหานี้โยเซฟยังคงเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า เขายังคงยึดพระเจ้าไว้แน่นและดำเนินชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์

ความเชื่อ ชัยชนะเหนือความกลัว

เมื่อความทุกข์ยากเดินทางเข้ามาหาชีวิตของโยเซฟ สิ่งหนึ่งที่เขาทำก็คือ การยอมรับว่านี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า รู้ว่าพระองค์ทรงอนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น และพยายามดำเนินชีวิตต่อไปให้ดีสุด แน่นอนว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก จากลูกที่พ่อรักกลับกลายเป็นทาส จากคนใช้ในบ้านนายกลายเป็นคนคุก โยเซฟยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยบ่นหรือต่อว่าพระเจ้าเลย ตรงกันข้าม เขายังคงมีชีวิตที่ติดสนิทและพึ่งพาพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ความฝันที่เขาทำนายได้นั้นไม่ได้เกิดจากความสามารถของเขาเอง แต่เป็นเพราะพระเจ้าทรงเปิดเผยความล้ำลึกนี้แก่เขา เมื่อโยเซฟยึดพระเจ้าไว้มั่น ให้พระองค์เป็นที่หนึ่งของชีวิต พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม พระองค์จึงได้นำพาชีวิตของโยเซฟให้รุ่งเรืองขึ้นแบบที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

“ดังนั้นฟาโรห์จึงตรัสแก่โยเซฟว่า “บัดนี้เราขอตั้งเจ้าให้ดูแลทั่วแผ่นดินอียิปต์” แล้วฟาโรห์ทรงถอดแหวนตราประจำพระองค์จากนิ้วมาสวมที่นิ้วของโยเซฟ พระองค์ทรงให้เขาสวมเสื้อคลุมผ้าลินินเนื้อดีและประทานสร้อยคอทองคำแก่เขา ฟาโรห์ให้โยเซฟนั่งรถม้าศึกในฐานะผู้มีอำนาจรองจากพระองค์ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็มีคนคอยร้องประกาศว่า “จงเปิดทาง!” ดังนั้นฟาโรห์จึงทรงแต่งตั้งโยเซฟให้ดูแลทั่วแผ่นดินอียิปต์” ปฐมกาล 41:41 - 43

เช่นเดียวกับชีวิตของเรา เมื่อประสบปัญหา หลายคงยังคงคาดหวังว่าจะมีชีวิตเหมือนเดิม มีสุขภาพที่ดีเหมือนเดิม มีเงินทองใช้จ่ายเหมือนเดิม สามารถดำเนินชีวิตแบบเดิม ๆ ได้ แต่นั่นอาจจะเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง เราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ต้องยอมรับความทุกข์ยากลำบากที่เข้ามา เพราะนี่คือการทดสอบของพระเจ้า อยากหนุนใจเราด้วยปลายทางแห่งการทดสอบนั้น เราจะเห็นว่าเมื่อถึงเวลา เมื่อการทดสอบผ่านพ้นไป เมื่อนั้นพระพรอย่างมากมายที่คาดไม่ถึงก็จะมายังชีวิตเรา เหมือนกับโยเซฟที่ชีวิตเขาเปลี่ยนจากทาส เปลี่ยนจากคนคุก มาเป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตและมีอำนาจมากในอียิปต์ สิ่งนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยหากเขาสอบตกการทดสอบที่พระเจ้าให้มานั้น

โดยปกติแล้วจะมีพายุอยู่ 3 แบบ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา แบบแรกคือ “พายุภายนอก” เป็นปัญหาที่จะส่งผลต่อร่างกายเรา ต่อสุขภาพของเรา แบบที่สองคือ “พายุภายใน” เป็นปัญหาที่ส่งผลทางด้านอารมณ์ของเรา ทำให้เรากลัว ทำให้เราวิตกกังวล และแบบที่สามคือ “พายุฝ่ายวิญญาณ” เป็นปัญหาที่ทำให้เราสงสัยในพระเจ้า ขาดความเชื่อและไว้วางใจในพระองค์

ในมาระโกบทที่ 4 นั้น เหล่าสาวกของพระเยซูทุกคนที่อยู่ในเรือต่างเผชิญกับพายุครบทั้ง 3 แบบ ซึ่งอาจจะเหมือนกับหลาย ๆ คนในเวลานี้ ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 หลายคนอาจจะติดเชื้อ เป็นผู้ป่วยรอรับการรักษา ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้วย ในใจมีแต่ความกลัว ความวิตกกังวล และเริ่มสงสัยว่าพระเจ้ามีอยู่จริงไหม? ทำไมพระองค์ทรงเงียบ? ทำไมไม่มีเสียงตอบกลับเมื่อเราอธิษฐาน?

ความเชื่อ ชัยชนะเหนือความกลัว

เราอาจจะเหมือนกับเหล่าสาวกของพระเยซูที่บอกกับพระองค์ว่าไม่ทรงห่วงเราหรือ ปัญหาที่เข้ามามันหนักหนาสาหัสเกินจะรับไหว เราอาจจะเป็นเหมือนกับมารีย์และมารธาที่บอกกับพระเยซูว่า “พระองค์เจ้าข้า หากพระองค์ทรงอยู่ที่นี่น้องชายของข้าพระองค์คงไม่ตาย” ยอห์น 11:21 พระเยซูไม่ได้ตอบคำถามเหล่าสาวกว่าทรงห่วงเขาหรือไม่ แต่พระเยซูทรงกระทำการของพระองค์แทนคำพูด พระเยซูทรงชุบชีวิตลาซาลัสให้ฟื้นขึ้นจากความตาย พระเยซูทรงห้ามพายุแทนการตอบคำถาม ทั้งนี้ก็เพื่อสำแดงให้สาวกเหล่านั้นรู้ว่าพระองค์ทรงรักและห่วงใยเขาเพียงใด เวลานี้เรากำลังถามคำถามมากมายกับพระเจ้าอยู่หรือไม่? พระองค์อาจจะยังคงเงียบอยู่ แต่อยากให้เรารอคอยพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงทำกิจของพระองค์เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงห่วงและรักเรามากเพียงใด

ในมาระโก 4:40 บอกว่า “พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ทำไมจึงกลัวนัก? พวกท่านยังไม่มีความเชื่ออีกหรือ?”” อยากให้เราลองนึกภาพตาม มีพายุใหญ่รุนแรงเกิดขึ้น คลื่นพัดน้ำเข้ามาในเรือจนเรือใกล้จะจมเต็มที ชีวิตเราแขวนอยู่บนเส้นด้าย ความตายกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกขณะ เรากลัว ในขณะที่พระเยซูทรงหลับ แล้วพระเยซูมาถามเราได้อย่างไรว่า “ทำไมเราถึงกลัว ทำไมไม่มีความเชื่อ” ช่างเป็นคำถามที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่นี่คือการทดสอบ เพราะพระเยซูเป็นคนบอกเหล่าสาวกเองว่า “ให้เราข้ามไปอีกฟากหนึ่งเถิด” การทดสอบคือ การเลือกว่าเราจะเชื่อพระคำพระเจ้า หรือเชื่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อตามที่ตาเรามองเห็น

พายุที่เหล่าสาวกเผชิญนั้นเป็นเรื่องจริง ไวรัสที่เราประสบอยู่ก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน เราตกงาน เราไม่มีเงิน แต่พระเจ้าบอกกับเราว่า “ให้เราข้ามไปอีกฟากหนึ่งเถิด” การทดสอบก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าความเชื่อเราอยู่ในระดับใด การทดสอบก็เพื่อพัฒนาเราให้ก้าวไปสู่ระดับชั้นที่สูงกว่า หรือเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณมากขึ้น

เหมือนกับการสอบในโรงเรียน ถ้าเราสอบไม่ผ่าน เราก็ต้องเรียนซ้ำชั้นและทำการสอบใหม่เพื่อที่จะสามารถขึ้นไปเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นได้ การทดสอบของพระเจ้าก็เช่นเดียวกัน หลาย ๆ คนยังคงวนเวียนอยู่กับการทดสอบเดิม ๆ ยังคงเจอปัญหาเดิม ๆ แล้วเราก็ถามพระเจ้าว่าเมื่อไรความทุกข์ยากเหล่านี้จะผ่านไปเสียที? เมื่อปัญหามา อย่าให้เราโยนความเชื่อทิ้งไป อย่าให้เราขาดความเชื่อ เพราะนั่นแสดงว่าเราไม่ได้เชื่อพระเจ้ามาแต่แรก เรามีแต่คำพูดแบบคริสเตียน ศัพท์คริสเตียน ท่าทีแบบคริสเตียนเท่านั้น อยากให้เราลองเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น เมื่อไรเราจะเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าเสียที? เพราะความเชื่อเท่านั้นที่จะทำให้เราผ่านการทดสอบ ที่จะทำให้เราสามารถเลื่อนชั้นเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณมากขึ้น

ในมัทธิว 6:34 พระเยซูตรัสว่า “เพราะฉะนั้นอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีความเดือดร้อนของมันพออยู่แล้ว” สิ่งนี้เป็นความจริงที่หลาย ๆ คนมองข้าม ท่ามกลางภาวะวิกฤติที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ หลาย ๆ คนวิตกกังวล หลาย ๆ คนเครียด แต่เป็นความเครียดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เราเครียดเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ว่าจะตกงานไหม จะมีเงินใช้ไหม จะติดโควิดไหม จะตายไหม แต่พระเยซูสอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับวันนี้ เพราะแต่ละวันก็มีเรื่องต่าง ๆ มากพออยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อที่ใหญ่โต ขอความเชื่อเพียงเล็กน้อยสำหรับแต่ละวันเท่านั้น เพราะถ้าเรามีความเชื่อ เราก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (ยอห์น 11:40) ให้เราดำเนินไปกับพระเจ้าวันต่อวัน ให้พระองค์ค่อย ๆ นำเราทีละย่างก้าว เชื่อและวางใจในพระองค์ แล้วเราจะสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้อย่างแน่นอน

“พระองค์ตรัสว่า “เพราะพวกท่านมีความเชื่อน้อย เราบอกความจริงแก่ท่านว่าหากท่านมีความเชื่อสักนิดเท่าเมล็ดมัสตาร์ด ท่านสามารถสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่นั่น’ มันก็จะเคลื่อนไป จะไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่าน” มัทธิว 17:20


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถอีเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com