พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > เหตุผลของวันคริสต์มาส

เหตุผลของวันคริสต์มาส

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

โดยปกตินั้นเราจะฉลองวันเกิดให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น และการที่คนทั่วโลกต่างร่วมกันเฉลิมฉลองวันเกิดของพระเยซูในวันคริสต์มาสนั้นก็เป็นการยืนยันว่า “พระเยซูยังมีชีวิตอยู่” หลาย ๆ คนชอบเทศกาลคริสต์มาส ชอบบรรยากาศที่เต็มไปด้วยบทเพลงแห่งรอยยิ้มที่เปิดกันทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า ตามร้านค้า หรือตามร้านอาหารต่าง ๆ แต่เรารู้ถึงเหตุผลของการมีวันคริสต์มาสหรือไม่? ทำไมถึงต้องมีวันคริสต์มาสด้วย?

เหตุผลของวันคริสต์มาส

ถ้าหากจะดูถึงเหตุผลของวันคริสต์มาส เราต้องย้อนกลับไปตั้งแต่แรกเริ่มที่พระเจ้าทรงสร้างโลกและทรงสร้างมนุษย์ขึ้น ในปฐมกาล 1:26 - 28 บอกว่า “แล้วพระเจ้าตรัสว่า ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขา ตรัสกับพวกเขาว่า จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในท้องฟ้า กับสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินทั้งหมด”

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามแบบอย่างพระองค์ หน้าที่ของมนุษย์ก็คือ ให้ครอบครองสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง ให้ปกครองแผ่นดินโลก และให้มีลูกดกทวีจนเต็มแผ่นดิน ถ้าสังเกตให้ดี หน้าที่ต่าง ๆ ที่พระเจ้ามอบหมายนั้นไม่มีส่วนไหนที่พระเจ้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย หมายถึงพระองค์มอบหมายทุกสิ่งให้เรารับผิดชอบ 100% อนาคตของโลกนี้จะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้ประกอบไปด้วยร่างกายและจิตวิญญาณ ดังนั้นผู้ที่จะมีสิทธิอำนาจต่าง ๆ ในโลกนี้จะต้องประกอบไปด้วยร่างกายและจิตวิญญาณเท่านั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่พระเจ้าไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในโลก เพราะพระเจ้าทรงเป็น “พระวิญญาณ” พระองค์ไม่มีร่างกายแบบมนุษย์ ดังนั้นทุกสิ่งที่พระเจ้าประสงค์จะทำ พระองค์จะทำผ่านคนเท่านั้น เพื่อไม่ให้ละเมิดกฎที่พระองค์ทรงตั้งเอาไว้นั่นเอง

พระเจ้าไม่ได้แค่มอบหน้าที่หรืองานสำหรับมนุษย์ “ให้ทำ” เท่านั้น ต่อมาพระองค์ยังมีคำสั่งให้มนุษย์ “ห้ามทำ” ด้วย ในปฐมกาล 2:16 – 17 บอกว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่”

พระเจ้าห้ามมนุษย์กินผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่ว พระเจ้าบอกว่าถ้าหากไม่เชื่อฟัง ผลก็คือ “เจ้าจะต้องตายแน่” ซาตานซึ่งเป็นศัตรูของพระเจ้าจึงมาล่อลวงมนุษย์ให้ไม่เชื่อฟังในสิ่งที่พระเจ้าตรัส แต่ซาตานเองก็ไม่มีร่างกายแบบมนุษย์ ซึ่งตามกฎของพระเจ้านั้นผู้ที่มีสิทธิอำนาจต่าง ๆ ในโลกนี้ได้จะต้องมี “ร่างกายและจิตวิญญาณ” เท่านั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ซาตานต้องมาในร่างของงูเพื่อล่อลวงเอวาให้กินผลไม้ต้องห้ามนั้น เพราะนั่นจึงจะเข้าเงื่อนไขของ “ร่างกาย + วิญญาณ” ผลก็คือ มนุษย์ถูกตัดขาดจากพระเจ้า และความตายได้เข้ามาสู่มนุษย์ทุกคน พระเจ้าจึงให้มีวันคริสต์มาสเกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ช่วยมนุษย์อันเป็นที่รักของพระองค์ให้รอดจากความตายนั้น

เหตุผลของวันคริสต์มาส

1. มนุษย์เท่านั้นที่ครอบครองโลก

ในปฐมกาล 3:15 บอกว่า “เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้าและพงศ์พันธุ์ของนางด้วย เขาจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ” นี่คือแผนการที่พระเจ้าทรงประกาศเพื่อจะช่วยคนทุกคนให้รอดจากความตาย พระเจ้าไม่สามารถเสด็จลงไปช่วยเราได้ในทันทีทันใด เพราะนั่นจะขัดกับกฎที่พระองค์ทรงตั้งไว้ เป็นกฎที่ให้มนุษย์เท่านั้นที่ดูแลปกครองและจัดการสิ่งต่าง ๆ ในโลก “พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ” ดังนั้นพระเจ้าจึงมีแผนการที่จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเครื่องมือของพระองค์ที่จะทำให้พระองค์ทรงมี “ร่างกายและจิตวิญญาณ” ผู้หญิงคนนี้จะทำให้พระเจ้าถูกกฎ ทำให้พระองค์เข้ากับเงื่อนไขที่พระองค์ได้ตั้งเอาไว้ นี่คือจุดเริ่มต้นของวันคริสต์มาส นี่คือเหตุผลที่ทำให้คริสต์มาสเกิดขึ้นบนโลกนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พระเจ้าบอกกับซาตานว่าพงศ์พันธ์ของนางจะทำให้หัวของเจ้าแหลก พระเจ้าจะให้สิทธิอำนาจในการปกครองคืนแก่มนุษย์ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่พระเยซูได้ตรัสก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ว่า พระองค์ทรงมีสิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์และในแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและเป็นมนุษย์ในเวลาเดียวกัน

“พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว” มัทธิว 28:18

พระเจ้าได้เตรียมแผนการช่วยกู้มนุษย์มาตั้งแต่เริ่มแรก เพราะพระองค์ทรงสัพพัญญู ทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง พระเจ้าต้องการร่างกายแต่มีบาปไม่ได้ ทำให้ต้องลงมาเกิดจากหญิงพรหมจารี พระเจ้าออกแบบให้ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดานั้นอยู่ในถุงน้ำคร่ำ กินอาหารทางสายสะดือ ดังนั้นเลือดของทารกจึงไม่ผสมกันกับเลือดของแม่ พระเยซูที่เกิดโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ได้เกิดจากผู้ชายจึงไม่มีบาป ทำให้พระเยซูเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความผิดบาปได้

2. พระเจ้าทรงบริสุทธิ์

พระลักษณะอย่างหนึ่งของพระเจ้าก็คือพระองค์ทรงบริสุทธิ์ ปราศจากบาป พระเจ้าโกหกไม่ได้ ดังนั้นทุกสิ่งที่พระองค์พูดต้องเป็นจริง พระเจ้าสร้างมนุษย์และให้อยู่ในสวนเอเดน พระเจ้าบอกว่าห้ามกินผลไม้นั้น ถ้ากิน “เจ้าจะต้องตายแน่” การที่พระเจ้าทรงบอกว่า “เจ้าจะต้องตายแน่” นั้น พระองค์ไม่ได้บอกกับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังบอกถึงตัวพระองค์เองด้วย คำนี้เป็นเหมือนกับคำสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญากับตัวพระองค์เองว่าถ้ามนุษย์ทำผิดจะต้องตายสถานเดียว เพราะพระองค์โกหกไม่ได้ พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ดังนั้นคำพูดของพระองค์ก็ไม่ต่างอะไรกับ “พระสัญญา” นั่นเอง

เมื่อมนุษย์ทำบาป ความตายจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะถ้ามนุษย์ไม่ตาย นั่นหมายถึงพระเจ้าโกหก และพระองค์จะเป็นพระเจ้าอีกต่อไปไม่ได้ ความตายนี้มาจากพระเจ้า!! หลายครั้งเรามักจะโยนสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ดีให้กับมาร เรามักบอกว่ามารเป็นต้นเหตุของความตายนี้ อย่าไปโทษมาร เพราะมารไม่ได้บอกว่าจะฆ่าใคร แต่เป็นพระเจ้าเองต่างหาก ถ้าหากเรารู้จักพระเจ้าของเราดีพอ ถ้าหากเรารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากอะไร คำตอบของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็จะอยู่ไม่ไกลจากเรา

พระคำของพระเจ้าต้องเป็นจริงเสมอ เพราะพระองค์ทรงเป็นความจริง พระเจ้าตัดสินการกระทำของมนุษย์จากพระดำรัสของพระองค์ หรือพูดอีกนัยหนึ่งได้ว่า การพิพากษาจากพระเจ้านั้นสะท้อนถึงผลจากการกระทำของเรา ถ้าหากเราทำผิด เราก็ต้องถูกลงโทษ แต่ในทางกลับกันถ้าหากเราทำดี เราก็จะได้รับการอวยพร การพิพากษาจึงไม่ได้ส่งผลในแง่ลบอย่างเดียว แต่ส่งผลในแง่บวกด้วย เหมือนกับในวันสุดท้ายที่พระเจ้าทรงพิพากษามนุษย์นั้น คนที่ทำผิดบาปก็จะถูกลงโทษ แต่ผู้ที่เชื่อในพระองค์ก็จะได้บำเหน็จเป็นการตอบแทนจากผลของการกระทำนั้น

เหตุผลของวันคริสต์มาส

3. พระเจ้าทรงเป็นความรัก

พระเจ้าไม่ได้มีความรัก แต่พระองค์ทรงเป็นความรัก พระเจ้าทรงรักเรามาก เหมือนน้ำที่ล้นออกมาจากแก้ว ไม่สามารถรักได้มากกว่านี้แล้ว และความรักของพระองค์ก็ไม่เคยน้อยลง และด้วยความรักของพระองค์นั้น พระองค์จึงมิอาจที่จะฆ่าเราได้ แต่พระเจ้าได้สัญญาเอาไว้แล้วว่าถ้ามนุษย์ทำผิดจะต้องตาย ทางออกเดียวที่พระองค์สามารถทำได้ก็คือต้องหาคนมาตายแทนเรา แล้วจะให้ใครมาตายแทนมนุษย์ได้ละ? คนที่จะมาตายแทนได้นั้นต้องไม่มีบาป ดังนั้นจึงไม่มีใครมาตายแทนได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น แต่พระเจ้าทรงเป็น “พระวิญญาณ” ไม่สามารถตายได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พระเยซูต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์รักเรามากถึงขนาดยอมตายเพื่อเรา

พระเจ้าต้องทำสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อที่จะมาตายแทนเราได้ เมื่อยังไม่ถึงเวลา พระเจ้าได้ให้พระสัญญาต่าง ๆ ผ่านทางผู้เผยพระวจะว่าจะมีเด็กคนหนึ่งมาเกิดมาเพื่อเรา เหมือนใน อิสยาห์ 9:6 บอกเอาไว้ว่า “ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช”

พระเจ้าต้องหาหญิงพรหมจารีจากวงศ์วานของดาวิดที่ยอมให้พระองค์ทรงใช้เพื่อจะมาเป็นมารดาของทารกนั้น พระเจ้าต้องปกป้ององค์พระกุมารจากการปองร้าย เพราะซาตานก็รู้ว่าพระเยซูได้ลงมาเกิดบนโลกนี้ มันจึงพยายามทำทุกอย่าง แม้กระทั่งสั่งฆ่าทารกในเมืองที่พระเยซูเกิดเป็นจำนวนมากเพื่อให้มั่นใจว่ากุมารนั้นจะต้องตาย

เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มี “ร่างกายและจิตวิญญาณ” ดังนั้นความตายที่เกิดกับมนุษย์จึงมี 2 แบบ นั่นก็คือ

- การตายฝ่ายร่างกาย คือ เมื่อเราหมดลมหายใจและจากโลกนี้ไป

- การตายฝ่ายจิตวิญญาณ คือการถูกแยกออกจากพระเจ้า เพราะเดิมทีนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้อยู่ใกล้ ๆ พระองค์ แต่เพราะความบาปทำให้เราถูกตัดขาดจากพระเจ้า นั่นหมายถึงเราจะต้องไปอยู่คนละที่กับพระเจ้า บ้านของพระเจ้าคือสวรรค์ ดังนั้นการอยู่คนละที่กับพระเจ้าจึงหมายถึงการที่เราต้องไปอยู่ในบึงไฟนรกชั่วนิจนิรันดร์นั่นเอง

เหตุผลของวันคริสต์มาส

มนุษย์คู่แรกไม่เชื่อฟังพระเจ้าจึงต้องตายฝ่ายร่างกาย คนรุ่นต่อ ๆ มาก็ต้องรับผลของบาปนี้ด้วยเช่นกัน นั่นคือการตายฝ่ายร่างกาย หลังจากนั้นหากเราทำบาป เราก็ต้องตายฝ่ายจิตวิญญาณด้วย เพราะพระเจ้าบอกว่าคนที่ไม่มีบาปเท่านั้นจึงจะอยู่กับพระเจ้าได้ เพราะพระองค์บริสุทธิ์ แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนเป็นคนชอบธรรมเลยสักคนเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลของวันคริสต์มาสที่พระเยซูต้องลงมาเกิดบนโลกนี้ และยอมรับโทษบาปแทนเรา เพื่อที่เราจะสามารถอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์ได้ ไม่ใช่เพราะการกระทำของเรา แต่เป็นการกระทำของพระเยซูที่ทรงรักเรามากจนไม่อาจเห็นเราต้องตกไปอยู่ในบึงไฟนรกได้

การที่พระเยซูจะช่วยมนุษย์ให้รอดได้นั้น พระองค์ต้องเผชิญกับความตายทั้ง 2 อย่างด้วย ที่บนกางเขนนั้น บาปของคนทั้งโลก ทั้งที่อยู่ในปัจจุบัน ที่ตายไปแล้ว และที่จะเกิดมา ตกอยู่ที่พระเยซูเพียงผู้เดียว การตายของพระเยซูบนไม้กางเขนนั้นเป็นการตายฝ่ายร่างกาย และในมัทธิว 27:46 บอกว่า "พอเวลาประมาณบ่ายสามโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” เมื่อบาปของคนทั้งโลกได้ตกมาอยู่บนพระเยซู พระเจ้าจึงต้องหันหลังให้กับพระเยซู และนี่คือการตายฝ่ายจิตวิญญาณของพระเยซู นั่นคือการถูกแยกออกจากพระเจ้าเป็นครั้งแรกของพระองค์ และทั้งหมดนี้ก็เพราะ “พระเจ้าทรงรักเรา” นั่นเอง

หลายครั้งเมื่อเราประสบกับปัญหา หลายครั้งที่พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานเรา เรามักจะบ่นตัดพ้อว่าพระเจ้าไม่รักเรา หลายคนอาจบอกว่าตนเองรู้ว่าพระเจ้ารักเรามาก แต่เราเคยสัมผัสถึงความรักของพระองค์ไหม? เรารู้หรือเปล่าว่าพระเจ้าต้องเสียสละพระองค์เองมากแค่ไหนเพื่อที่จะช่วยเราให้รอด?

เราคงไม่มีวันเข้าใจว่าพระเจ้ารู้สึกยังไงเมื่อต้องพรากจากกัน พระเจ้าทรงรักเรามากจนยอมส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายเพื่อเรา สำหรับพระบุตรเองนั้น การที่พระเยซูทรงร้องว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” เป็นความปวดร้าวที่พระเยซูได้รับ เป็นการพรากจากคนที่รักเป็นครั้งแรก เมื่อคนที่เรารักจากไป เราร้องไห้เสียใจอย่างหนัก แต่พระเยซูไม่ใช่แค่รู้สึกรักเหมือนเรา เพราะ “พระองค์ทรงเป็นความรัก” ดังนั้นการพลัดพรากของพระองค์คงจะโศกเศร้าเสียใจมากกว่าที่เราจะคาดคิดได้

เมื่อมาเป็นมนุษย์แล้ว พระเยซูรู้ว่าจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ พระองค์ต้องเป็นมนุษย์ตลอดไป นี่คือการเสียสละที่เราไม่เข้าใจ เราทำให้พระเยซูต้องติดอยู่ในสภาพร่างกายนี้ไม่สามารถกลับไปเป็น “พระวิญญาณ” เหมือนก่อนที่จะมาเกิดได้ พระเยซูติดอยู่ในร่างกายนี้เพราะบาปของเรา!!! และนี่คือเหตุผลของวันคริสต์มาส เป็นเหตุผลของความรักและความเสียสละที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น พระเจ้าอยากให้ทุกคนบนโลกนี้รู้ถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาสนี้ คำถามคือ เราพร้อมไหมที่จะทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ? เราพร้อมไหมที่จะช่วยให้การเสียสละของพระองค์นี้ไม่สูญเปล่า?

“พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” ยอห์น 3:16


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com