พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > พระเจ้ารู้หรือไม่ว่าอาดัมกับเอวาจะไม่เชื่อฟัง กินผลไม้ที่ห้ามนั้น

พระเจ้ารู้หรือไม่ว่าอาดัมกับเอวาจะไม่เชื่อฟัง กินผลไม้ที่ห้ามนั้น

โดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เราจะเห็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าพยากรณ์เรื่องราวต่าง ๆ ในอนาคตอย่างมากมาย เช่น เรื่องพระเยซูจะประสูติที่หมู่บ้านเบธเลเฮม (มีคาห์ 5:2) ซึ่งมีคาห์ได้พยากรณ์เอาไว้ประมาณ 700 ปี ก่อน ค.ศ. และพระเยซูก็ได้ประสูติที่หมู่บ้านเบธเลเฮม แคว้นยูเดียจริง ๆ (ลูกา 2:1 - 7, มัทธิว 2:1 - 6) หรือการพยากรณ์ว่าอิสราเอลและพระวิหารจะถูกทำลายใน ดาเนียล 9:24 - 26 ซึ่งก่อนหน้าสมัยของดาเนียลนั้น บาบิโลนได้ทำลายเยรูซาเล็มและพระวิหารไปเมื่อ 586 ปี ก่อน ค.ศ. และได้จับตัวคนยิวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน รวมทั้งตัวดาเนียลด้วย ซึ่งต่อมาดาเนียลได้พยากรณ์ว่ากรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารจะถูกทำลายอีกครั้ง โดยได้เขียนคำพยากรณ์นี้เมื่อประมาณ 530 ปี ก่อน ค.ศ. และได้อธิบายลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างชัดเจนว่า ในช่วงเวลาหนึ่งคนยิวที่ถูกจับมานั้นจะกลับไปสร้างกรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นผู้ที่ถูกเจิมหรือพระเมสสิยาห์ก็จะมาปรากฏ แต่จะถูกปฏิเสธ และกรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารก็จะถูกทำลายอีกครั้ง

การที่ผู้เผยพระวจนะสามารถพยากรณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นจำ ย่อมแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าสามารถล่วงรู้อนาคตได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอาดัมและเอวาจะกินผลไม้ที่พระเจ้าได้ห้ามเอาไว้ แต่ด้วยความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ พระเจ้าก็ได้เตรียมแผนการไถ่สำหรับมนุษย์ไว้ตั้งแต่แรกด้วยเช่นเดียวกัน

ในปฐมกาล 3:15 บอกว่า “เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของนางด้วย เขาจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ”

โดยปกตินั้นคนอิสราเอลจะนับการสืบพงศ์พันธุ์ผ่านทางผู้ชายเท่านั้น อย่างเช่นในพระธรรมมัทธิวบทที่ 1 ที่พูดเรื่องลำดับพงศ์พันธุ์ของพระเยซูคริสต์ก็จะไล่มาตั้งแต่อับราฮัมมีบุตรชื่ออิสอัค อิสอัคมีบุตรชื่อยาโคบ จนมาถึงโยเซฟผู้เป็นสามีของนางมารีย์ และพระเยซูก็เกิดจากนางมารีย์คนนี้  จะเห็นได้ว่าการลำดับพงศ์พันธุ์จะลำดับจากทางผู้ชายเท่านั้น แต่ในปฐมกาล 3:15 ได้พูดถึง “พงศ์พันธ์ของนาง” ซึ่งจะหมายถึงใครไม่ได้นอกจากพระเยซูเท่านั้น เพราะพระองค์ไม่ได้เกิดจากผู้ชาย แต่เกิดโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เกิดจากนางมารีย์หญิงพรหมจารีย์ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูในวันที่ 3 นั้น เป็นการประกาศชัยชนะเหนือความตายและเหนือผีมารซาตาน  นี่คือที่พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกเอาไว้ว่า “เขาจะทำให้หัวของเจ้าแหลก” ส่วนที่บอกว่า “และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ” เล็งถึงการที่พระเยซูต้องถูกตรึงตายบนกางเขน โดนตะปูตอกที่มือและเท้า และสิ่งนี้ทำอะไรพระเยซูไม่ได้เพราะพระเยซูได้ฟื้นคืนพระชนม์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งปฐมกาล 3:15 ได้เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าพระเจ้าทรงรู้ล่วงหน้าว่าอาดัมและเอวาจะไม่เชื่อฟัง โดยการกินผลไม้ต้องห้าม พระองค์จึงได้เตรียมแผนการช่วยกู้มนุษย์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

แล้วทำไมพระเจ้าต้องสร้างผลไม้ต้องห้ามด้วย
เป็นคำถามที่น่าคิด เพราะพระเจ้ารู้อยู่แล้วว่าอาดัมกับเอวาจะไม่เชื่อฟัง ถ้าไม่มีผลไม้ต้องห้าม ก็ไม่มีบาป พระเยซูก็ไม่ต้องสิ้นพระชนม์เพื่อมนุษย์ และถ้าไม่มีบาป โลกก็คงจะน่าอยู่มากทีเดียว แล้วทำไมพระเจ้าต้องทำในสิ่งที่จะทำให้เกิดปัญหามากมายภายหลังด้วย

ในปฐมกาลบทที่ 1:26 บอกว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา” การสร้างมนุษย์ตามแบบอย่างพระเจ้านั้น ส่วนหนึ่งก็คือการสร้างให้มนุษย์สามารถคิดและตัดสินใจทำอะไรก็ได้อย่างเสรี พระเจ้าไม่ได้ต้องการจะสร้างหุ่นยนต์ที่ป้อนโปรแกรมอะไรเข้าไปก็ต้องทำตามทุกอย่าง อาดัมและเอวาสามารถคิดและเลือกได้ว่าจะเชื่อฟังพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟัง ซึ่งเขาจะต้องรับผลแห่งการกระทำนั้น เพราะพระเจ้าบอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าหากกินผลไม้ต้องห้ามเมื่อใด จะต้องตาย ซึ่งก็คือการตายฝ่ายวิญญาณ คือการถูกตัดขาดจากพระเจ้า ผลก็คืออาดัมและเอวาต้องออกไปจากสวนเอเดน

 

ทำไมพระเจ้าให้มารมาล่อลวงอาดัมและเอวาในสวนได้
จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่มารซาตานจะมาล่อลวงมนุษย์ ถ้าเราอ่านพระคัมภีร์ เราจะเห็นว่ามารซาตานไม่ใช่แค่มาล่อลวงอาดัมกับเอวาเท่านั้น มารได้มาทดลองโยบให้ทำบาป ได้มาทดลองพระเยซูในถิ่นทุรกันดาร แต่ทั้งโยบและพระเยซูนั้นเลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้า เลือกที่จะไม่ทำบาป ซึ่งต่างกับอาดัมและเอวาที่เลือกที่จะเชื่อมารซาตานนั้น

มารซาตานไม่ได้แค่ทดลองหรือล่อลวงมนุษย์ในอดีตเท่านั้น ในปัจจุบันมันก็ยังคงทำงานของมันอย่างต่อเนื่อง นั่นคือล่อลวงมนุษย์ทุกคนให้หลงผิดไปกับมัน เพราะมันรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายปลายทางของมันจะต้องอยู่ในบึงไฟนรก มันตั้งใจที่จะกบฏต่อพระเจ้า เป็นศัตรูกับพระองค์ และมันก็ไม่อยากถูกลงโทษเพียงลำพัง มันรู้ว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์ ในเมื่อมันไม่สามารถทำอะไรพระเจ้าได้ มันจึงหันมาโจมตีมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งทรงสร้างที่พระเจ้ารัก และกฎง่าย ๆ ของพระเจ้าก็คือ “เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” โรม 6:23 ถ้าทำบาปก็ต้องตกนรก แต่หากเชื่อในพระเยซู พระองค์ทรงรับโทษแทนเราแล้ว ตายไปก็ได้อยู่บนสวรรค์กับพระองค์ ดังนั้นมารซาตานจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้มนุษย์ไม่มีโอกาสรู้จักพระเจ้า และยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในบาปต่อไป
มารซาตานยังคงทำงานของมันอยู่ทุกวัน มันเหมือน “สิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” (1 เปโตร 5:8) แต่พระเจ้าให้เรามีเสรีภาพในการคิดและตัดสินใจ เราจะเลือกเชื่อฟังพระเจ้า หรือจะหลงไปกับคำโกหกของมาร การตัดสินใจเป็นของเรา แล้วคุณละ วันนี้คุณเลือกที่จะเชื่อฝ่ายไหน?

ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com