พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้ หน้า 6

หน้า 1 | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 | หน้า 6 | หน้า 7 | หน้า 8

เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้ - หน้า 6

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

- ภัยพิบัติบนโลก

ในช่วงเวลากลียุค 7 ปี นี้ บนสวรรค์ไม่ได้มีแต่การตัดสินบำเหน็จและงานเลี้ยงเท่านั้น แต่ยังมีการพิพากษาลงโทษโลกนี้โดยให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ขึ้นอีกด้วย ภัยพิบัติเหล่านี้เกิดจาก พระเมษโปดกแกะตราผนึก 7 ดวง บนหนังสือม้วน (วิวรณ์ 6:1) เกิดจากทูตสวรรค์เป่าแตรทั้ง 7 (วิวรณ์ 8:6) และเกิดจากชามแห่งความกริ้วของพระเจ้าทั้ง 7 ใบ (วิวรณ์ 16:1) ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทวีความเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ

เหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหนที่จะเกิดขึ้นบนโลก?

เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง เมื่อแกะ “ตราดวงที่ 3” ทำให้เกิด “ข้าวสาลีราคาลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายน้ำมันและเหล้าองุ่น” (วิวรณ์ 6:6) ทำงานทั้งวันได้เงินแค่พอเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น ภัยพิบัตินี้จะกระทบแต่คนจน ในขณะที่คนรวยไม่ได้รับผลอะไร เพราะ “อย่าทำอันตรายน้ำมันและเหล้าองุ่น” ซึ่งเป็นของฟุ่มเฟือยที่คนมีฐานะใช้

เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้

ที่มา : https://www.freebibleimages.org/

ภัยแห่งการพิพากษาร้ายแรงสี่ประการ (เอเสเคียล 14:21) เมื่อแกะ “ตราดวงที่ 4” ทำให้เกิด “แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้มีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจเหนือแผ่นดินโลกหนึ่งในสี่ส่วน ที่จะทำลายได้ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน” (วิวรณ์ 6:8) ปัจจุบันโลกเรามีประชากรประมาณ 7,800 ล้านคน ภัยพิบัตินี้ทำให้คนตาย 1 ใน 4 ส่วน ก็เท่ากับว่าภายในระยะเวลาไม่นานมีคนตายเกือบ ๆ 2,000 ล้านคน ตั้งแต่เกิดโรคโควิด 19 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2565 มีคนตายทั่วโลกประมาณ 6 ล้านคน แค่โรคโควิด 19 ยังทำให้โลกสะเทือนขนาดนี้ แล้วการแกะ “ตราดวงที่ 4” จะทำให้โลกสั่นสะเทือนขนาดไหน

ดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงมาบนพื้นดิน เมื่อแกะ “ตราดวงที่ 6” เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หก ข้าพเจ้าเห็นแผ่นดินไหวยิ่งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลายเป็นสีดำมืด เหมือนกับเสื้อผ้าขนสัตว์ที่ใช้ไว้ทุกข์ และดวงจันทร์วันเพ็ญก็กลายเป็นเหมือนกับสีเลือด และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงมาบนพื้นดิน เหมือนกับต้นมะเดื่อที่ถูกลมแรงพัดจนผลที่ยังไม่สุกหล่นลงมา ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่ถูกม้วนเก็บ และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็ถูกเคลื่อนไปจากที่เดิม แล้วกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต บรรดานายทหารใหญ่ พวกเศรษฐี พวกผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสหรือเสรีชน ต่างซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภูเขา พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า “จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และจากพระพิโรธของพระเมษโปดก เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และใครจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เล่า” (วิวรณ์ 6:12) เราไม่รู้ว่าที่ยอห์นบันทึกไว้ว่า “ดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงมาบนพื้นดิน” หมายถึง อุกาบาตรพุ่งชนโลกหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าในสมัยยอห์นนั้นไม่มีอาวุธสงครามเหมือนในปัจจุบัน หากเราดูตามทีวี ตามรายงานข่าว จะเห็นว่าอาวุธที่สู้รบนั้นเป็นเหมือนลูกไฟหลาย ๆ ลูกตกลงมายังพื้นดินและมีฤทธิ์อำนาจในการทำลายล้างสูง สิ่งที่ยอห์นเห็นอาจจะเป็นอาวุธสงครามต่าง ๆ ที่อยู่ในสมัยเราก็เป็นไปได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นสงครามหรืออุกาบาตรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ ความน่ากลัว ทุกคนอยากจะหนี อยากจะซ่อนตัวจากความเลวร้ายที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครหนีพ้นพระพิโรธของพระเจ้าได้

ลูกเห็บและไฟเผาโลก 1 ใน 3 ส่วน เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตร” ลูกเห็บและไฟ ที่ปนด้วยเลือดก็ตกลงมาบนแผ่นดินโลก แผ่นดินโลกก็ถูกเผาไปหนึ่งส่วนสาม ต้นไม้ถูกเผาไปหนึ่งส่วนสาม และหญ้าเขียวสดถูกเผาไปทั้งหมด (วิวรณ์ 8:7)

ทะเลถูกทำลาย 1 ใน 3 ส่วน เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตร” เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตรขึ้น ก็มีสิ่งหนึ่งเหมือนอย่างภูเขาลูกใหญ่ที่กำลังลุกเป็นไฟ ถูกโยนลงไปในทะเล แล้วหนึ่งส่วนสามของทะเลกลายเป็นเลือด บรรดาสิ่งที่มีชีวิตในทะเลนั้นตายไปหนึ่งส่วนสาม และเรือต่างๆ ถูกทำลายไปหนึ่งส่วนสาม (วิวรณ์ 8:8 - 9)

น้ำจืดเป็นรสขม 1 ใน 3 ส่วน เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตร” เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตรขึ้น ก็มีดาวใหญ่ดวงหนึ่งที่ลุกไหม้เหมือนอย่างคบเพลิงตกลงมาจากท้องฟ้า ดาวดวงนั้นตกลงไปในหนึ่งส่วนสามของแม่น้ำทั้งหลาย และตกลงไปในบ่อน้ำพุทั้งหลาย ดาวดวงนี้มีชื่อว่า “บอระเพ็ด” น้ำปริมาณหนึ่งส่วนสามก็กลายเป็นรสขม และคนมากมายตายไปเพราะเหตุน้ำนั้นถูกทำให้ขม (วิวรณ์ 8:10 - 11)

พระอาทิตย์และพระจันทร์ถูกทำลาย 1 ใน 3 ส่วน เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตร” เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตรขึ้น หนึ่งส่วนสามของดวงอาทิตย์ ของดวงจันทร์วันเพ็ญ และของดวงดาวทั้งหลายก็ถูกทำลายไป ทำให้หนึ่งส่วนสามของสิ่งเหล่านั้นมืดไป กลางวันก็ไม่สว่างเสียหนึ่งส่วนสาม และกลางคืนก็เช่นเดียวกัน (วิวรณ์ 8:12)

ห้าเดือนแห่งความทรมาน ฝูงตั๊กแตนทำร้าย อยากตายก็ตายไม่ได้ เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเป่าแตร” เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเป่าแตรขึ้น ข้าพเจ้าเห็นดาวดวงหนึ่งที่ได้ตกจากฟ้าลงมาที่แผ่นดินโลกแล้ว พระเจ้าประทานลูกกุญแจสำหรับช่องของบาดาลลึกให้แก่ดาวดวงนั้น เมื่อท่านเปิดช่องของบาดาลนั้น ก็มีควันพลุ่งขึ้นมาจากช่องนั้น เหมือนอย่างควันของเตาใหญ่ ดวงอาทิตย์และอากาศก็มืดไปด้วยควันจากช่องนั้น และมีฝูงตั๊กแตนออกจากควันนั้นมายังแผ่นดินโลก พระเจ้าประทานอำนาจกับตั๊กแตนพวกนั้นเหมือนอย่างอำนาจของพวกแมงป่องแห่งแผ่นดินโลก พระองค์ตรัสบอกพวกมันไม่ให้ทำร้ายหญ้าบนแผ่นดินโลก หรือพืชเขียว หรือต้นไม้ แต่ให้ทำร้ายเฉพาะคนทั้งหลาย ที่ไม่มีตราของพระเจ้าบนหน้าผากของเขา พระองค์ไม่ให้ฆ่าคนพวกนั้น แต่ให้ทรมานเขาห้าเดือน ความทรมานของพวกเขานั้นเป็นเหมือนอย่างความทรมานเมื่อถูกแมงป่องต่อย ตลอดระยะเวลานั้น คนทั้งหลายจะแสวงหาความตาย แต่จะไม่พบ เขาอยากจะตาย แต่ความตายจะหนีจากพวกเขาไป (วิวรณ์ 9:1 - 6)

มนุษย์ถูกฆ่าตาย 1 ใน 3 ส่วน เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่หกเป่าแตร” มนุษย์ถูกฆ่าหนึ่งส่วนสามด้วยภัยพิบัติสามอย่างนี้ คือ ไฟ ควัน และกำมะถันที่พลุ่งออกจากปากของมัน เพราะว่าอำนาจของม้านั้นอยู่ที่ปากและที่หางของมัน เพราะหางของพวกมันเหมือนงูที่มีหัวซึ่งพวกมันใช้ทำร้ายคนได้ (วิวรณ์ 9:18 - 19) ครั้งเมื่อแกะ “ตราดวงที่ 4” ทำให้คนตาย 1 ใน 4 ส่วน และภัยพิบัติในตอนนี้ทำให้คนตายอีก 1 ใน 3 ส่วน นั่นเท่ากับว่าภายในระยะเวลาไม่กี่ปี “คนตาย” ไปแล้ว “ครึ่งโลก” หรือประมาณเกือบ ๆ 4,000 ล้านคน สิ่งที่น่าเศร้าก็คือ แม้ว่าจะมีคนตายมากมายขนาดนี้ แต่ยังไม่มีใครกลับใจ ต่างยังคงกราบไหว้รูปเคารพและทำบาปเหมือนเช่นเคย (วิวรณ์ 9:20 - 21)

แผลบนตัวคนที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์แรกเทชามแห่งความกริ้ว” ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไป และเทชามของตนลงบนแผ่นดินโลก แล้วคนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และพวกที่บูชารูปของมันก็มีแผลร้ายที่เจ็บปวดเกิดขึ้นตามตัว (วิวรณ์ 16:2)

สิ่งมีชีวิตในทะเลตายหมดสิ้น เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทชามแห่งความกริ้ว” ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทชามของตนลงในทะเล แล้วทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนอย่างเลือดของคนตาย และบรรดาสิ่งที่มีชีวิตซึ่งอยู่ในทะเลนั้นก็ตายหมดสิ้น (วิวรณ์ 16:3)

แม่น้ำกลายเป็นเลือด เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทชามแห่งความกริ้ว” ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทชามของตนลงไปยังแม่น้ำและบ่อน้ำพุทั้งหลาย และน้ำเหล่านั้นก็กลายเป็นเลือด (วิวรณ์ 16:4)

ดวงอาทิตย์ร้อนจนเผาคน เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เทชามแห่งความกริ้ว” ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เทชามของตนลงไปที่ดวงอาทิตย์ และให้ดวงอาทิตย์แผดเผามนุษย์ด้วยไฟ ความร้อนแรงกล้าก็แผดเผามนุษย์ พวกเขาก็สาปแช่งพระนามพระเจ้าผู้ทรงมีฤทธิ์เหนือภัยพิบัติเหล่านี้ และเขาไม่ยอมกลับใจและไม่ยอมถวายพระเกียรติแด่พระองค์ (วิวรณ์ 16:8 - 9)

ความเจ็บปวดเพราะแผลตามร่างกาย เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเทชามแห่งความกริ้ว” ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเทชามของตนลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้าย แล้วอาณาจักรของมันก็มืดไป พวกของมันก็กัดลิ้นของตนด้วยความเจ็บปวด และสาปแช่งพระเจ้าแห่งสวรรค์เพราะความเจ็บปวดนั้น และเพราะแผลตามตัวของเขา แต่ไม่ยอมกลับใจจากการประพฤติของตน (วิวรณ์ 16:10 - 11)

สงครามอารมาเกดโดน เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทชามแห่งความกริ้ว” ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทชามของตนลงไปที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส ทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมทางไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก และข้าพเจ้าเห็นวิญญาณโสโครกสามดวงรูปร่างเหมือนอย่างกบออกจากปากพญานาค จากปากสัตว์ร้าย และจากปากผู้เผยพระวจนะเท็จ เพราะว่าวิญญาณเหล่านี้เป็นผีที่ทำหมายสำคัญ พวกมันออกไปหากษัตริย์ทั้งหลายทั่วโลก เพื่อรวบรวมกษัตริย์เหล่านั้นไปทำสงคราม ในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด (นี่แน่ะ เรากำลังมาเหมือนอย่างขโมย คนที่ตื่นอยู่และรักษาเสื้อผ้าของตนไว้ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาไม่ต้องเดินเปลือยกายให้คนทั้งหลายเห็นสภาพอันน่าอับอาย) และวิญญาณทั้งสามได้รวบรวมกษัตริย์ทั้งหลายไปยังสถานที่หนึ่ง ซึ่งเรียกตามภาษาฮีบรูว่าอารมาเกดโดน (วิวรณ์ 16:12 - 16)

แผ่นดินไหวรุนแรงพร้อมลูกเห็บขนาดใหญ่ เมื่อ “ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเทชามแห่งความกริ้ว” ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเทชามของตนลงไปในอากาศ แล้วมีพระสุรเสียงดังออกมาจากพระที่นั่งในพระวิหารนั้นว่า “สำเร็จแล้ว” และเกิดฟ้าแลบ เสียงครืนๆ และฟ้าร้อง แล้วเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งตั้งแต่มนุษย์เกิดขึ้นมาบนแผ่นดินโลก ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงน่ากลัวอย่างนั้นเลย มหานครนั้นก็แยกออกเป็นสามส่วน และเมืองทั้งหลายของนานาประชาชาติก็พังทลายลง และพระเจ้าทรงจดจำมหานครบาบิโลน พระองค์ทรงให้ถ้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธรุนแรงของพระองค์แก่นครนั้น แล้วเกาะทั้งหมดก็หายไปและภูเขาทั้งหมดก็ไม่มีใครหาเจอ 21และลูกเห็บใหญ่ก็ตกจากฟ้าลงมาบนตัวคนทั้งหลาย แต่ละก้อนหนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม คนทั้งหลายจึงสาปแช่งพระเจ้าเนื่องด้วยภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บนั้น เพราะภัยพิบัตินั้นรุนแรงมาก (วิวรณ์ 16:17 - 21)

เราอยากจะอยู่ในช่วงเวลามหากลียุคแบบนี้ไหม? เราเลี่ยงได้แน่นอนหากเรารู้จักพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงรับโทษบาปแทนเราบนกางเขน และสัญญาว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์จะไม่ต้องพบกับพระพิโรธของพระเจ้า เหมือนกับที่บอกไว้ใน 1 เธสะโลนิการ 5:9 - 10 ว่า “เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงกำหนดเราไว้สำหรับพระพิโรธ แต่สำหรับการรับความรอด โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพื่อว่าถึงจะตื่นอยู่หรือจะหลับ เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์”

เผยอนาคต เส้นทางชีวิตมนุษย์และอวสานของโลกใบนี้

ที่มา : https://www.freebibleimages.org/

- การประกาศข่าวประเสริฐทั่วโลก

ในวิวรณ์บทที่ 7 บอกว่ามีคนอิสราเอลจำนวน 140,000 คน ที่มาจากทุกเผ่าได้รับความรอด

ในวิวรณ์บทที่ 11 บอกว่าจะมีพยาน 2 คน แต่งตัวด้วยผ้ากระสอบเป็นพยานเรื่องของพระเจ้าตลอด 1,260 วัน

ในวิวรณ์บทที่ 14 บอกว่ามีทูตสวรรค์ 3 องค์ เหาะไปในท้องฟ้าเพื่อเป็นพยานให้คนกลับใจ

ในช่วงเวลากลียุค 7 ปี เป็นเวลาที่ข่าวประเสริฐได้ถูกประกาศออกไปทั่วทุกแห่งในโลก และเป็นช่วงเวลาที่คำพยากรณ์ของพระเยซูในมัทธิว 24:14 ได้สำเร็จลง นั่นคือ “ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้านี้จะถูกประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง” เพราะหลังจากสิ้นสุดกลียุค 7 ปี ก็เป็นการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งก็คือ “ที่สุดปลายจะมาถึง” ตามที่พระองค์ได้ตรัสเอาไว้

หลาย ๆ คนมีความเข้าใจผิดคิดว่าเราจะต้องประกาศ เราจะต้องเป็นพยานจนกว่าข่าวประเสริฐจะไปถึงทุก ๆ คนในโลก แล้วเราถึงจะได้พบกับพระเยซู แต่ในความเป็นจริงก็คือ เราจะได้พบกับพระองค์ก่อนหน้านั้น เราจะได้พบกับพระองค์บนท้องฟ้า (Rapture) และอยู่ร่วมกับพระองค์ก่อนที่สุดปลายจะมาถึง

นักวิชาการหลายคนเชื่อว่าเวลานี้เป็นยุคสุดท้าย พระเยซูใกล้จะเสด็จกลับมารับเราแล้ว (Rapture) เพราะคำทำนายในพระคัมภีร์หลายตอนได้สำเร็จลง ความหวังเหล่านี้เริ่มต้นขึ้นเมื่ออิสราเอลได้กลับมาเป็นประเทศอีกครั้งหนึ่ง และเราได้เห็นพัฒนาการของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับคำทำนายในพระคัมภีร์ โดยเฉพาะสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าหมายสำคัญต่าง ๆ ที่พระเยซูเคยตรัสไว้กำลังเกิดเป็นจริงในยุคของเรา... อ่านต่อ

 

หน้า 1 | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 | หน้า 6 | หน้า 7 | หน้า 8


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com